ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มั่นใจรัฐบาลเพื่อไทย 2 อยู่ครบเทอม หรือ 3 ปี และยืนยันที่จะตั้งรับทุกปัญหาและอุปสรรคอย่างดีที่สุด เพราะนอกจากความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติแล้ว ก็ไม่ต้องการมีคดีความติดตัว
"ครม.แพทองธาร 1" เป็นรูป-เป็นร่าง และกำลังจะลงมือปฏิบัติจริง หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา 12-13 ก.ย.นี้ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ประกาศขอเดินหน้าทำงานแข่งกับเวลา ยืนยันที่จะตั้งรับกับทุกเรื่องให้ดีที่สุด
ทุกเรื่องที่มีคนยื่นฟ้อง-ยื่นร้อง เพราะไม่ต้องการมีคดีความติดตัว เปรียบเปรยเหมือนเคสพ่อกับอา
เพราะคำถามที่ นายกฯ แพทองธาร ตอบ คือคำถามถึงภาพสะท้อนตัวนายกฯ ที่ก้าวขึ้นมา นั่นคือ ระบอบทักษิณกำลังจะกลับคืนมา และ คำร้อง-คำฟ้อง ที่จองกฐิน จะไล่บี้นายกฯ ทำให้คำตอบที่ดีที่สุดคือการตั้งรับ ในแบบที่ไม่ตอบ และจากนี้ไป ขอเดินหน้าทำงานแข่งกับเวลา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นายกฯ แพทองธาร กำลังสื่อสารว่า ธงในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน อยู่ที่การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลที่กำลังจะแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่ 12 และ 13 ก.ย.นี้ และส่งสัญญาณว่า จากนี้ไป จะไม่เสียเวลากับการตอบคำถาม เรื่องระบอบทักษิณ เรื่องถูกนายทักษิณครอบงำ-ชี้นำ หรือเรื่องคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย แต่นัยก็ไม่ปฏิเสธ คือพร้อมจะตั้งรับกับทุกเรื่อง
ส่วน "รัฐบาลเพื่อไทย 2" คือรัฐบาลข้ามขั้ว ที่ฉายภาพข้ามขั้วชัดมากขึ้น ทั้งพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ใน "ครม.แพทองธาร 1" และทันทีที่การจัดตั้ง ครม.แล้วเสร็จ กลุ่มเคลื่อนไหวที่เคย "ต่อต้าน-คัดค้าน" ทั้งพรรคเพื่อไทย หรือนายทักษิณ ชินวัตร ก็เริ่มขยับคิกออฟ-ต่อต้านระบบเครือญาติ และประกาศจะมีแนวร่วมที่เปรียบเหมือน "แม่น้ำร้อยสาย" มาร่วมสบทบอีก
ตั้งรับตามที่ นายกฯ แพทองธาร ย้ำไว้ ประเมินดูแล้วรัฐบาลเพื่อไทย 2 หรือ "ครม.แพทองธาร 1" คงต้องรับอย่างหนักหน่วง เพราะกำแพงที่กั้นความสำเร็จในเป้าหมายไว้ ไม่ใช่กำแพงปูนที่จะทลายได้ง่าย ๆ แต่เป็นเป็น "กำแพงเหล็ก"
แต่ยังเป็นเหล็กที่มาจากฝ่ายตรงข้าม ทั้งในและนอกระบบที่จะมาคู่ขนานกันด้วย ในระบบ คือระบบรัฐสภา โดยเฉพาะในสภาฯ คือพรรคฝ่ายค้าน และในกฎหมายและรัฐธรรมนูญ คือองค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ อย่าง พรรคฝ่ายค้าน-พรรคใหม่ถอดด้าม ทั้ง "พลังประรัฐ" ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่พร้อมจะทิ่มแทง "เสรีรวมไทย" บิ๊กตู่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่เปิดศึกอยู่เนือง ๆ
ยังไม่นับรวมพรรคประชาชน ที่นำโดย "เท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ที่พร้อมจะรวมพลกับคณะก้าวหน้า "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เพราะเล่นได้ทั้ง 2 บท ในระบบและนอกระบบ หรือวันดี-คืนดีกัน อาจเล่นทั้งบทฝ่ายค้าน และรอรวมรัฐบาลอีก
และที่นอกระบบชัด ๆ ก็คือ การเมืองนอกสภา หรือการเมืองภาคประชาชน-พลเมือง ซึ่งล่าสุดก็เปิดตัวแล้ว กลุ่มกองทัพธรรม, เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.และ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส.
คิกออฟจัดกิจกรรม ไม่เอา "ระบบการเมืองเครือญาติ" ทันทีที่เห็น "ครม.แพทองธาร 1" เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และมั่นใจว่า จากนี้ไปจะมีอีกหลายกลุ่ม-หลายองค์กร ที่ทยอยเข้ามาเป็นแนวร่วม จนกลายเป็นแม่น้ำร้อยสาย หรือกองกฐิน ที่จะถาโถมใส่รัฐบาลเพื่อไทย
แนวร่วมกลุ่มต่อต้าน-คัดค้าน รัฐบาลเพื่อไทย 2 หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือจะหมายถึง นายทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้ ประกาศออกมาแล้วถึงจุดยืน ต่อต้านการเมืองระบบเครือญาติ จะมากน้อยแค่ไหน จะต้องเวลากี่เดือน-กี่ปี ขึ้นอยู่กับการบริหารราชการแผ่นดิน ขึ้นอยู่กับการขับเคลื่อนนโยบายที่รัฐบาลวางไว้ ไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับพลังทางการเมืองของกลุ่มที่ว่า แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบด้านของรัฐบาลเองด้วย 12 ก.ย. รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
นอกจากเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญแล้ว คือสัญญาประชาคมด้วย
อ่านข่าว :
มติ 3 วิปเคาะแถลงนโยบาย 29 ชม.ให้ ครม. 6 ชม. ฝ่ายค้าน 13 ชม.
สว.อภิงบฯปี 68 "นรเศรษฐ์" แนะปรับโครงสร้างบุคลากรภาครัฐ
ม็อบนัดชุมนุม 17 ก.ย. "อนุทิน" ชี้แสดงความเห็นได้ แต่ขออยู่ในกรอบ