งานนี้สหรัฐฯ ใช้ไม้แข็งถึงขั้นดำเนินคดีกับชาวรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่รอบนี้ถือว่าเป็นมาตรการชุดใหญ่ ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งได้อีก เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 8 ปีก่อน
วันนี้ (6 ก.ย.2567) มาตรการที่สหรัฐฯ ใช้ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยการตั้งข้อหาและคว่ำบาตรผู้บริหารอาร์ ที นิวส์ (RT News) 2 คน รวมถึงสื่ออื่น ๆ อีก 4 แห่ง ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซียและสื่อเหล่านี้ถูกสหรัฐฯ บังคับให้ขึ้นทะเบียนเป็นตัวแทนรัฐบาลต่างชาติ โดยผู้บริหารของอาร์ที นิวส์ ที่ถูกตั้งข้อหายังอยู่ในระหว่างการหลบหนี โดยใช้ตัวตนปลอม นอกจากนี้ยังระงับวีซาพนักงานของบริษัทและหน่วยงานด้านสื่อมวลชนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซียอีกด้วย
สำนักข่าว RT News ของรัสเซีย
มาตรการต่อมาคือการอายัดชื่อโดเมนอินเทอร์เน็ต 32 รายชื่อ ที่เผยแพร่ข่าวปลอมและโฆษณาชวนเชื่อในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งก่อนหน้านี้รัสเซียใช้ช่องทางดังกล่าวสร้างความชอบธรรมให้กับรัสเซียในการยกกำลังบุกยูเครนเมื่อเดือน ก.พ.2565 และคาดว่าจะแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย
นอกจากนี้ยังตั้งเงินรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 350 ล้านบาท เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อว่า Russian Angry Hackers Did it ที่เคยเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งในหลายประเทศมาแล้วและถือเป็นคุกคามการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในปีนี้
แมร์ริค การ์แลนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงถึงวิธีการแทรกแซงของรัสเซียในรอบนี้ว่าผู้บริหารของอาร์ที นิวส์ ได้ว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งในรัฐเทนเนสซีอย่างลับ ๆ เพื่อให้ทำหน้าที่เผยแพร่คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ข่าวปลอมที่เอื้อประโยชน์ให้กับรัสเซียผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เช่น ยูทูบ ติ๊กต็อก อินสตาแกรม และ เอ็กซ์ เป็นต้น แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าการใช้วิธีนี้จะได้ผลแค่ไหน แต่พบว่าบางคลิปที่เผยแพร่ในยูทูบมียอดคนดูสูงถึง 16 ล้านวิว
แมร์ริค การ์แลนด์ รมว.ยุติธรรมสหรัฐฯ
เนื้อหาที่เผยแพร่ ได้แก่ การสร้างความชอบธรรมให้กับรัสเซียในการบุกยูเครน การชักจูงให้ชาวอเมริกันรู้สึกว่าสหรัฐฯ ไม่ควรให้การสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญกับปัญหาในประเทศตัวเองมากกว่า
แน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมารัสเซียไม่เคยยอมรับว่าแทรกแซงการเมืองและการเลือกตั้งในสหรัฐฯ แม้แต่ในปี 2559 ที่ฮิลลารี คลินตัน พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีให้กับ "โดนัลด์ ทรัมป์" ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งในตอนนั้นด้วย
โดนัลด์ ทรัมป์
ตามปกติแล้ว ผู้นำจะไม่วิจารณ์หรือแสดงความเห็นต่อผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำของประเทศอื่น แต่ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของรัสเซียไม่เป็นเช่นนั้น เขามักจะพูดถึง โดนัลด์ ทรัมป์, โจ ไบเดน และ คามาลา แฮร์ริส อย่างเปิดเผย ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าปูตินสนับสนุนไบเดน
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ปูตินกล่าวในระหว่างการประชุมเรื่องความมั่นคงที่คาซัคสถาน โดยเอ่ยถึงทรัมป์ที่เคยพูดว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง สงครามในยูเครนจะต้องยุติลงภายใน 24 ชั่วโมงและทรัมป์มีข้อเสนอหลายอย่างที่ปูตินเชื่อว่าทรัมป์มีความจริงใจในเรื่องนี้
แต่ล่าสุดปูตินกลับเปลี่ยนท่าทีอีก มาในรอบนี้ปูตินบอกว่าจะสนับสนุนแฮร์ริสในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คามาลา แฮร์ริส
คำพูดของปูตินในครั้งนี้ หลายฝ่ายยังไม่แน่ใจว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร ปูตินสนับสนุนแฮร์ริสจริง ๆ หรือเป็นแค่การประชดประชัน แต่ที่แน่ ๆ คำพูดของปูตินอาจจะถูกนำไปใช้ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ด้วย
ทั้งนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับว่าประเทศที่เป็นภัยคุกคามการเลือกตั้งและสถาบันประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ไม่ได้มีแค่รัสเซียเท่านั้น ยังมีอิหร่านและจีนที่พยายามเจาะข้อมูลจากทีมหาเสียงของทรัมป์
เทคนิคการเผยแพร่ข่าวปลอมที่ได้ผล คือ การทำเว็บไซต์ข่าวปลอมที่ออกแบบให้ดูเหมือนสำนักข่าวของจริง อย่างวอชิงตัน โพสต์ วิธีนี้ทำให้คนเชื่อข่าวปลอมได้ง่ายขึ้น
วลาดิเมียร์ ปูติน
แม้ว่าเป้าหมายของการแทรกแซงการเลือกตั้งคือชาวอเมริกัน แต่คนไทยที่ติดตามข่าวสารต่างประเทศก็อาจจะตกเป็นเหยื่อของขบวนการเผยแพร่ข่าวปลอมได้เช่นกัน ดังนั้นควรเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ควรโพสต์หรือแชร์ ข้อมูลที่น่าสงสัยใด ๆ ต่อ
อ่านข่าวอื่น :
"ทรงศักดิ์-ซาบีดา" ติดโควิด "อนุทิน" แจงนายกฯ ยังไม่แบ่งงานรองนายกฯ
“พิจิตร-พิษณุโลก” เร่งอพยพหนีน้ำยม-น่าน “ปลากระชัง” น็อกน้ำตายอื้อ