จ่อแก้มาตรฐานทางจริยธรรม “ของแสลง” นักการเมือง

การเมือง
5 ก.ย. 67
19:06
146
Logo Thai PBS
จ่อแก้มาตรฐานทางจริยธรรม “ของแสลง” นักการเมือง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ยังไม่ทันไร ฝ่ายการเมืองดำริจะแก้เรื่องมาตรฐานจริยธรรมแล้ว ทั้งที่เป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมสนับสนุน เพราะเป็นแนวทางเดียวที่จะกำราบจัดการกับนักการเมือง

หรือกรรมการในองค์กรอิสระ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบดำเนินการในเรื่องทุจริต ผิดกฎหมาย ขาดความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ของวิญญูชน หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้กับตนและพวกพ้อง

ด้วยในอดีตที่ผ่านๆ มา เรื่องจริยธรรมถือเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมือง หรือกลุ่มธุรกิจที่เป็นเครือข่ายและอาศัยฝ่ายการเมือง ร่วมกันแสวงหาผลประโยนชน์ จากโครงการและงบประมาณของบ้านเมืองและท้องถิ่น ไม่เกรงกลัวเลย เพราะเป็นเรื่องนามธรรม จับต้องไม่ได้ กอบโกยจนร่ำรวยอิ่มหมีพีมันไปตามๆ กัน

กระทั่งถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่รัฐบาล คสช. หวังใช้เป็นเครื่องมือเอาไว้ควบคุมนักการเมืองจากการเลือกตั้ง แต่ในทางปฏิบัติ ได้นำไปสู่การแปรเปลี่ยนจากนามธรรมให้เป็นรูปธรรม เริ่มจากให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เป็นผู้กำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้นมาบังคับใช้ ทั้งนี้ เนื้อหาต้องระบุให้ชัดแจ้งด้วยว่า การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมใดมีลักษณะร้ายแรง

หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ไม่ถึงปี ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระก็จัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมเสร็จ ใช้ชื่อว่า “มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ” ประกาศใช้เมื่อ 30 ม.ค.2561

ที่สำคัญคือมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวนี้ ยังใช้บังคับกับ สส. สว. และครม. ด้วย (ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 วรรคสอง)

หลังจากนั้น นักการเมืองที่เป็น สส. ถูกฟ้องดำเนินคดี ถูกตัดสินว่า ผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และถูกลงโทษแล้วหลายคน อาทิ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ต่างถูกศาลตัดสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต นอกเหนือจากถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี แต่เฉพาะ น.ส.พรรณิการ์ ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งตลอดชีวิตด้วย

จึงเป็น “ยาแรง” ที่นักการเมืองเข็ดขยาด และยิ่งเพิ่มดีกรีความกลัวมากขึ้น จากคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ถูก (อดีต) สว.40 คนยื่นสอยจากตำแหน่งนายกฯ ผลจากการลงนามแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ส่งผลสะเทือนถึงการฟอร์ม “ครม.อุ๊งอิ๊ง” เมื่อรัฐมนตรีหน้าเดิมใน “กลุ่มหลังลาย” ต้องกระเด็นตกจากเส้นทางรัฐมนตรีหลายคน และเมื่อใช้คนในกลุ่ม และคนในตระกูลเดียวกัน เข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรีแทน จึงโดน “ทัวร์ลง” รุมถล่มว่า เป็นรัฐมนตรีมรดก เป็นเก้าอี้รัฐมนตรีผูกขาดของครอบครัว หรือรัฐมนตรีโควตาตระกูล กันระนาว

ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่อจะมี “ภาคต่อ” เพราะยังมีรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาล สุ่มเสี่ยงที่จะโดน “นักร้องเรียน” นำไปขยายผล และร้องให้มีการตรวจสอบไปยังองค์กรอิสระอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญ ต้องลุ้นต้องผวาไม่จบไม่สิ้น รวมทั้งผู้จะเข้ามาใหม่ในอนาคตข้างหน้า หากมีการปรับครม.

การเปิดประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตีกรอบเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้ชัดเจนมากขึ้น โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักฯ ที่เชื่อว่า จะได้รับมอบหมายดูเรื่องกฎหมาย จึงเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาทันทีให้กับคอการเมืองพันธุ์แท้ ที่เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของมาตรฐานจริยธรรมที่เข้มข้น แต่เป็น “ของแสลง” สำหรับนักการเมือง

แม้จะอ้างว่ามาตรฐานเรื่องจริยธรรม เป็นปัญหาในการตีความจากการเขียนในรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่น่าวิตก เพราะหากตีความกันอย่างกว้างขวาง อาจจะทำให้การบริหารประเทศเป็นไปไม่ได้ โดยยกตัวอย่าง คนเคยถูกใบสั่งจราจรเมื่อ 20 ปีก่อน จะถูกรื้อฟื้นว่าฝ่าฝืนกฎจราจร และเป็นความผิดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่

เป็นข้ออ้างที่อาจนำไปสู่ข้อถกเถียงในวงกว้าง หรือตามสภากาแฟโดยทั่วไป ที่อาจมีมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า จะช่วยเตือนสติผู้คนให้ระมัดระวังมากขึ้น เคารพกฎหมายและต้องมีความรับผิดชอบเป็นพื้นฐาน ด้วยการเป็นพลเมืองดี ที่ต้องจ่ายค่าปรับให้ถูกต้อง แทนการละเลย หรือคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ที่สามารถทำผิดหรือละเลยกฎหมายได้

เพราะหากความรับผิดชอบเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ แล้วจะไปเป็นรัฐมนตรี เป็น สส. ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน หรือบริหารประเทศชาติได้อย่างไร

เป็น “ดาบสองคม” ที่ต้องขบคิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบ ในเมื่อการเข้ามาสู่เวทีการเมือง เพื่อทำงานให้ประชาชนและส่วนรวมนั้น ไม่ได้มีใครบังคับหรือขู่เข็ญให้ทำ แต่เป็นความสมัครใจของแต่ละคนที่ต้องมีความรับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อตนเอง เป็นพื้นฐานสำคัญเบื้องต้นอยู่ก่อนแล้ว

ควรหลีกเลี่ยงการตีความแบบ “ศรีธนญชัย” ที่คนบางอาชีพถนัดถนี่เหลือเกิน

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว :นายกฯ ชี้ใช้คำแรงไป "ครม.สืบสันดาน" ย้ำตั้งใจทำงาน

ศธ.สั่งปิดศูนย์การเรียนฯ ลอยแพเด็กพม่า หลังไวรัลคลิปร้องเพลงชาติ

จับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงน้ำท่วม กรมชลฯ เล็งเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยารับฝน ก.ย.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง