ฝนตกดินสไลด์ ทำความเข้าใจปรากฏการณ์ "ดินถล่ม"

ภัยพิบัติ
27 ส.ค. 67
17:01
1,226
Logo Thai PBS
ฝนตกดินสไลด์ ทำความเข้าใจปรากฏการณ์ "ดินถล่ม"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ดินถล่ม" ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สาเหตุจากปัจจัยทั้งทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ ทำความเข้าใจสาเหตุ การเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันผลกระทบจากดินถล่ม เพื่อช่วยลดความสูญเสียทางชีวิตและทรัพย์สิน

ดินถล่ม (Landslide) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อมวลดิน หิน ทราย และเศษซากจากภูเขาหรือเนินเขาเคลื่อนตัวลงมาอย่างรวดเร็วตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปรากฏการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ และเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์

ในประเทศไทย เหตุดินถล่มส่วนใหญ่ จะมี "น้ำ" เกี่ยวข้องเสมอ โดยน้ำจะเป็นตัวลดแรงต้านทานในการเคลื่อนตัวของมวลดินหรือหิน และเป็นตัวที่ทำให้คุณสมบัติของดินเปลี่ยนจากของแข็งเป็นของไหล

ดินถล่มมักเกิดขึ้นตามมาหลังจากน้ำป่าไหลหลากเมื่อฝนตกหนักรุนแรงและต่อเนื่องนานหลายวัน 

ธรรมชาติ-น้ำมือมนุษย์ สาเหตุ "ดินถล่ม"

1.ปัจจัยธรรมชาติ

  • ฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปทำให้ดินเกิดความชุ่มชื้นจนถึงจุดที่ไม่สามารถรองรับน้ำได้อีก ทำให้ดินอ่อนตัวและเกิดการถล่ม
  • การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ การละลายของหิมะหรือการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วอาจทำให้ดินไม่มั่นคงและเกิดการเคลื่อนตัวลงมา (ซึ่งปัจจัยนี้ไม่เกิดในประเทศไทยอย่างแน่นอน)
  • แผ่นดินไหว การสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ทำให้ดินและหินที่ไม่มั่นคงเกิดการเคลื่อนตัวลงมาได้
  • การกัดเซาะของน้ำหรือการไหลของแม่น้ำ ทำให้ฐานของเนินเขาอ่อนตัวและไม่สามารถรองรับน้ำหนักของดินได้

2. ปัจจัยที่มนุษย์สร้างขึ้น

  • การตัดไม้ทำลายป่าทำให้ดินสูญเสียรากไม้ที่ช่วยยึดเกาะดิน ทำให้ดินไม่มั่นคงและเกิดการถล่มได้ง่ายขึ้น
  • การก่อสร้างและพัฒนาที่ดิน เช่น การก่อสร้างถนน บ้านเรือน การขุดเจาะพื้นที่เนินเขา ทำให้เกิดการรบกวนโครงสร้างของดิน จนเกิดดินถล่มได้
  • การขุดเหมือง ทั้งการทำเหมืองเปิดและการระเบิดในพื้นที่ภูเขา สามารถทำให้โครงสร้างดินเสียหายและนำไปสู่การถล่มของดิน

4 ประเภท "ดินถล่ม"

ดินถล่มประเภทไหล (Flow Landslide) เกิดขึ้นเมื่อมวลดิน หิน ทราย หรือเศษซากที่อยู่บนพื้นดินเกิดการเคลื่อนตัวลงมาตามความลาดชันของพื้นที่ในลักษณะที่คล้ายกับการไหลของของเหลว ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นเมื่อดินมีความชุ่มชื้นสูงจากฝนตกหนักหรือการละลายของหิมะ ทำให้ดินสูญเสียความแข็งแรงและเกิดการเคลื่อนตัวลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก ตัวอย่างของ Flow Landslide เช่น โคลนถล่ม (Mudflow) เกิดจากการไหลของโคลนผสมกับน้ำ Debris Flow การเคลื่อนตัวของดิน หิน และเศษซากอื่น ๆ ที่ไหลลงมาตามเนินเขาพร้อมกับน้ำ มักเกิดในพื้นที่ที่มีเศษซากหรือหินที่อ่อนแอ

ดินถล่มประเภทเคลื่อนตัว (Slide Landslide) การถล่มของดินหรือหินที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของมวลดินลงมาตามความลาดชันของภูเขาหรือเนินเขา ดินจะลื่นไถลลงมา จะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความลาดชันของพื้นที่ ปริมาณน้ำในดิน และสภาพดิน ดินถล่มแบบนี้มักก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้างและสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรงในพื้นที่เสี่ยง

ดินถล่มประเภทถล่ม (Fall Landslide) การเคลื่อนตัวของมวลหินหรือดินที่ตกลงมาอย่างรวดเร็วจากพื้นที่สูงชัน มักจะหลุดออกจากหน้าผาหรือเนินเขาและตกลงมาในแนวดิ่งหรือลาดลงมา การเกิด Fall landslide มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของหินหรือดิน และปัจจัยเช่นการกัดเซาะหรือน้ำซึมเข้าสู่รอยแยก ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงและเป็นอันตรายต่อพื้นที่ด้านล่างของจุดที่เกิดการตกลงมา

ดินถล่มแบบแผ่ออกด้านข้าง (Lateral Spread) คือการเคลื่อนตัวของดินในแนวนอน เกิดขึ้นเมื่อชั้นดินอ่อนหรือทรายที่มีน้ำมากอยู่ใต้ชั้นดิน แข็งกว่าด้านบน ถูกกระทบจากแผ่นดินไหวหรือแรงดันอื่น ๆ ส่งผลให้ดินชั้นล่างสูญเสียความแข็งแรงและดินด้านบนเคลื่อนออกไปด้านข้างอย่างช้า ๆ การเกิด Lateral Spread ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ท่อ หรืออาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น 

ผลกระทบของดินถล่ม

อันดับแรก ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ดินถล่มสามารถทำลายบ้านเรือน ถนน สะพาน และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ รวมถึงทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ พื้นที่การเกษตรหรือที่อยู่อาศัยอาจถูกทำลายหรือสูญหาย เกิดการกัดเซาะและการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ เช่น การเกิดหลุมลึก การเปลี่ยนแปลงเส้นทางน้ำ หรือการก่อให้เกิดสภาวะที่ดินเสื่อมโทรม ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่รุนแรง เช่น การสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม การขาดการขนส่งที่ปลอดภัย และความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน

การป้องกัน-ลดผลกระทบของดินถล่ม

ช่วยกันรณรงค์การปลูกป่า ฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกทำลาย สร้างกำแพงกันดิน การสร้างทางน้ำไหล หรือการสร้างรั้วกันดินเพื่อป้องกันดินถล่ม และใช้เทคโนโลยีเฝ้าระวังดินถล่มรวมกึงการเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

หลีกเลี่ยงการสร้างที่อยู่อาศัยในบริเวณที่เคยมีเหตุการณ์ดินถล่ม หรือบริเวณหุบเขา พื้นที่มีความลาดชันสูง พื้นที่ลาบลุ่มแอ่งกระทะ พื้นที่ร่องน้ำ พื้นที่ถมดินใหม่ที่มีความลาดชัน หากอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณอันตราย ให้สำรวจพื้นที่โดยรอบ เพื่อเตรียมการหนีภัย ควรปลูกพืชยึดหน้าดินบริเวณเชิงเขา และพื้นที่ลาดชัน เพื่อลดความเสี่ยงของแผ่นดินถล่ม สังเกตอากาศหากฝนตกหนัก ควรอพยพไปสู่พื้นที่ปลอดภัยโดยเร็ว และสังเกตพื้นที่รอบที่อยู่อาศัยหากพบสิ่งบอกเหตุที่มีโอกาสเกิดดินถล่มให้แจ้งหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว

เช็ก 54 จังหวัดทั่วไทยโอกาสเจอ "ดินถล่ม"

ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยข้อมูลในปี 2566 พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มในประเทศไทยครอบคลุม 54 จังหวัด 463 อำเภอ 1,984 ตำบล

อ่านข่าวเพิ่ม :

โปรดเลี่ยง เช็กทางหลวง 16 เส้นทางน้ำท่วม-ดินสไลด์

ดินสไลด์ปิดทับถนนบ่อเกลือ น่าน - น้ำป่าไหลหลากจ่อท่วม รพ.เทิง

ข่าวดี! คาดช่วยคนแรกออกอุโมงค์ถล่มไม่เกิน 16.00 น. 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง