วันนี้ (23 ส.ค.2567) เวลา 11.26 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า เดี๋ยวจะให้คนลงมาแถลง ขอให้รอฟัง เมื่อถามว่า ได้มีการส่ง 4 รายชื่อในโควตาพรรคใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถาม เดินทางออกจากพรรคทันที
อ่านข่าว : "ประวิตร" ถก กก.บห.พลังประชารัฐ - "ธรรมนัส" ไม่มาบินดูน้ำท่วม
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
"ชัยวุฒิ" ลั่นอย่าครอบงำพลังประชารัฐ ยันส่งชื่อ ครม.ตามมติพรรค
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า วันนี้องค์ประชุมมีจำนวนครบเกินกึ่งหนึ่ง และได้พูดคุยเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาล รวมถึงการส่งรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งทางพรรคได้ส่งไปครบถ้วนแล้วและที่ประชุมก็เห็นชอบ เพราะได้มีการเจรจาตกลงและโหวตไปแล้ว ซึ่งจะต้องรอพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีดำเนินการตามรายชื่อที่พรรคส่งไป
ยังระบุถึงกรณี รายชื่อผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ส่งไป 4 รายชื่อตามที่ออกแถลงการณ์ใช่หรือไม่ว่า หากรายชื่อไหนมีปัญหาหรือขาดคุณสมบัติ หรือมีการเปลี่ยนแปลงเป็นคนอื่นก็ต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ถ้าไม่ตรงตามนั้นก็ถือว่าเป็นไปตามข้อตกลง
ส่วนกรณีกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ไม่สามารถส่งรายชื่อรัฐมนตรีเองได้หรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะดำเนินการกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ข้อบังคับพรรค และหลักการประชาธิปไตย เมื่อเราร่วมรัฐบาลในนามพรรคพลังประชารัฐ จึงอยากให้เป็นไปตามข้อตกลง ไม่อยากให้เป็นการแบ่งขาย ไปก็ไปทั้งตัว เอาครึ่งตัวไม่ได้ ต้องไปทั้งพรรค ไม่อยากให้ใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือหักกัน ไม่เช่นนั้นทั้งพรรคและรัฐบาลจะเกิดความขัดแย้งกันได้
นายชัยวุฒิ ระบุถึงกรณี หากพรรคแกนนำ เลือกเอาเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้เอาทั้งพรรค ว่าไม่ทราบข้อเท็จจริงรอให้สนิทก่อน แต่ขอยืนยันว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงก็อยากให้ดำเนินการในนามพรรคให้ถูกต้อง
อยากให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามมติของพรรค ไม่อยากให้มีการครอบงำจากบุคคลภายนอกพรรค ครอบงำอื่น ครอบงำพรรคได้ แต่อย่ามาครอบงำข้ามพรรคมันไม่ดี
ทั้งนี้นายชัยวุฒิปฏิเสธตอบคำถามว่าได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ โดยนายชัยวุฒิได้เดินทางออกจากพรรคทันที
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ
พปชร.ยืนยันส่ง 4 รายชื่อเดิม
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 12 คน จากจำนวนทั้งหมด 19 คน ถือว่าเกินกว่ากึ่งหนึ่งครบองค์ประชุมตามระเบียบข้อบังคับพรรค
ในที่ประชุมยืนยันการเข้าร่วมรัฐบาลและมีการเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคตามที่มีข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล โดยที่ประชุมได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบการประชุมสภาเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่พรรคพลังประชารัฐมีมติเห็นชอบให้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ที่ 40 สส. พรรคพลังประชารัฐยกมือให้ทั้งหมด
โดยการเสนอรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามโควตาของพรรคพลังประชารัฐ โดยหัวหน้าพรรคเสนอรายชื่อ 4 คน ผ่านไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 20 ส.ค. และที่ประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้มีมติเสนอชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
“หากมีบุคคลตามรายชื่อท่านหนึ่งท่านใดขาดคุณสมบัติหรือมีความไม่เหมาะสม ขอให้พรรคเพื่อไทยแจ้งกลับมายังพรรคพลังประชารัฐเพื่อรับทราบ ที่ประชุมมอบอำนาจให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาบุคคลอื่นที่มีความเหมาะสม กรณีรายชื่อเดิมที่ส่งไปมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ เพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และเสนอรายชื่อผ่านหัวหน้ารัฐบาลได้ตามความเหมาะสม” พล.ต.ท.ปิยะกล่าว
และจากรายชื่อที่ส่งไปมีการประสานงานเป็นระยะๆ ในเบื้องต้นยังไม่ได้มีการยืนยันว่าจะมีการปรับเปลี่ยนรายชื่อหรือไม่ โดยชื่อ 4 รายชื่อดังนี้
1. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์
3. นายสันติ พร้อมพัฒน์ ดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข
4. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์
ซึ่งหากรายชื่อการแต่งตั้งรัฐมนตรีไม่ได้เป็นไปตามที่มติพรรคพลังประชารัฐเสนอไปนั้น ก็ต้องมีการพูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยชี้ว่าเป็นอำนาจของหัวหน้ารัฐบาล แต่โดยมารยาททางการเมือง จะต้องมีการพูดคุยกัน หากรายชื่อที่ส่งไปไม่เหมาะสมหรือคุณสมบัติไม่ครบถ้วนไม่ชัดเจน พรรคพลังประชารัฐยินดีและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน
พร้อมยืนยันวันนี้กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และกรรมการบริหารกลุ่มเดียวกันไม่ได้ร่วมประชุมมีการแจ้งหัวหน้าพรรครับทราบแล้วโดยไม่ได้สะท้อนภาพรอยร้าวในพรรคแต่อย่างใด และมีการแจ้งมาแล้วว่าติดภารกิจ
อ่านข่าว :