เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2567 นอกจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีต ปธน.สหรัฐฯ รอดชีวิตหวุดหวิดมาได้หมาด ๆ ล่าสุดสำนักข่าว CNN รายงานอ้างข้อมูลเจ้าหน้าที่วงในระบุว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ข้อมูลข่าวกรองในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อิหร่านมีแผนลอบสังหารทรัมป์
เบาะแสนี้ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า หน่วยตำรวจลับที่ทำหน้าที่อารักขาผู้นำและอดีตผู้นำรับทราบ และได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยรอบตัวทรัมป์ในระยะหลัง เช่นเดียวกับทีมหาเสียงของทรัมป์ ที่ได้รับแจ้งข้อมูลเช่นกัน แต่ทางฝั่งทีมหาเสียงยังไม่ออกมาเปิดเผยว่าได้รับข้อมูลหรือไม่อย่างไร
อย่างไรก็ดี ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าแผนการของอิหร่านดังกล่าว เชื่อมโยงกับ โทมัส แมทธิว ครูกส์ ผู้ก่อเหตุพยายามลอบสังหารทรัมป์ ระหว่างการปราศรัยในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย และไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างครูกส์กับบุคคลใดเลย ว่าเขาจะมีผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ
แต่ข่าวกรองและการยกระดับการดูแลทรัมป์ของตำรวจลับ เพื่อปกป้องอดีตผู้นำจากการประทุษร้ายโดยหน่วยข่าวกรองต่างชาติ ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานหละหลวมจนปล่อยให้มือปืนวัย 20 ปี ขึ้นไปบนหลังคาไม่ไกลจากเวทีปราศรัยจนลั่นไกปืนไรเฟิล AR-15 ที่เกือบจะปลิดชีวิตอดีตผู้นำสหรัฐฯ คนนี้ได้อย่างไร
อิหร่านพุ่งเป้าเอาชีวิต "ทรัมป์"
สาเหตุที่ทรัมป์ตกเป็นเป้าหมายของอิหร่าน ต้องย้อนกลับไปในอดีต มีความเป็นไปได้ว่าจะมาจากการสั่งการโจมตีเพื่อสังหารนายพลคาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ หน่วยงานในสังกัดกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน เมื่อต้นปี 2563
อิหร่านเคยปฏิญาณไว้ว่าจะล้างแค้น ขณะที่ในเวลานั้นทรัมป์ยังเคยทวีตไว้ว่า น่าจะจัดการกับโซเลมานีตั้งหลายปีแล้ว
ด้านผู้แทนอิหร่านประจำองค์การสหประชาชาติปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว ระบุว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่มีมูลและเป็นการป้ายสี เนื่องจากในมุมของอิหร่าน ทรัมป์คืออาชญากรที่ต้องถูกดำเนินคดีในศาล จากการสั่งการสังหารนายพลโซเลมานี ซึ่งอิหร่านเลือกใช้กฎหมายคืนความยุติธรรมให้นายพลในกรณีนี้
นายพลคาเซม โซเลมานี
"ทรัมป์" ปรากฏตัวครั้งแรกหลังถูกลอบยิง
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2567 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ภาพการปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกของทรัมป์ หลังรอดชีวิตหวุดหวิดจากความพยายามลอบสังหาร เขาปรากฏตัวในการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ที่มิลวอกี รัฐวิสคอนซิน พร้อมผ้ากอซปิดแผลที่ใบหูข้างขวา และบางช่วงยังชูกำปั้นระหว่างเดินผ่านฝูงชน และเมื่อเข้าประจำที่ก็จับมือทักทาย เจ.ดี.แวนซ์ คูู่หูชิงรองประธานาธิบดีที่เพิ่งประกาศเปิดตัวไปหมาด ๆ เช่นกัน
ซึ่งเป็นไปตามที่คาดที่ อดีต ปธน.ทรัมป์ ได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ
เวลานี้ ทรัมป์ เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยอย่างเป็นทางการแล้ว และในเวลาเดียวกันทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่คนข้าง ๆ คือ เจ.ดี.แวนซ์ สว.จากรัฐโอไฮโอ อดีตคนไม่เอาทรัมป์ที่พลิกขั้วเรียบร้อยแล้ว ความก้าวหน้าของแวนซ์ในเวทีการเมืองครั้งนี้ส่งแรงกระเพื่อมไกลถึงยุโรป เพราะตอกย้ำความกังวลทั้งผลต่อสงครามยูเครน ความมั่นคงในภาพรวม และการค้า
โดนัลด์ ทรัมป์ และ เจ.ดี.แวนซ์
"เจ.ดี.แวนซ์" เป็นนักการเมืองที่วิจารณ์แผนการช่วยเหลือยูเครนของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างออกหน้าออกตา และเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้การผ่านงบการทหาร 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยยูเครนล่าช้า
ขณะที่ความกังวลในสหรัฐฯ ไม่แพ้กัน ดูแล้วชาวอเมริกันกำลังกังวลว่าเหตุพยายามลอบสังหารกับการเลือกตั้ง 5 พ.ย. นี้จะจุดกระแสความรุนแรงทางการเมืองมากขึ้น
โพลชี้ชาวอเมริกันวิตกการเมืองวุ่น-คุมไม่อยู่
ผลสำรวจโดย Reuters/Ipsos ที่ทำสำรวจมา 2 วัน ผ่านทางออนไลน์ มีผู้ตอบแบบสอบถามราว 1,200 คน และเผยแพร่เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ระบุว่า ชาวอเมริกันที่มีสิทธิเลือกตั้ง ร้อยละ 80 ทั้งฝ่ายที่หนุนเดโมแครตและรีพับลิกัน เห็นด้วยว่าสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญสถานการณ์ที่คุมไม่อยู่ หลังเหตุพยายามลอบสังหารทรัมป์
ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 84 เกรงว่ากลุ่มสุดโต่งจะก่อเหตุรุนแรงหลังการเลือกตั้ง เพิ่มจากการสำรวจครั้งก่อน พ.ค. ที่มีคนกลัวรูปการณ์นี้ร้อยละ 74 ส่วนในมุมคะแนนนิยม ปรากฏว่า ทรัมป์ได้ไปร้อยละ 43 และ ไบเดนได้ ร้อยละ 41 ซึ่งนำอยู่ไม่มาก ทำให้ Reuters/Ipsos สรุปว่า เหตุพยายามลอบสังหารอาจจะไม่ได้เปลี่ยนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งขนาดนั้น
ที่น่าสนใจอีกประเด็นคือเทรนด์ที่เกิดขึ้นเวลานี้ รอยสักรูปทรัมป์ชูกำปั้นหลังถูกยิงที่ใบหูขวาและมีรอยเลือดเปื้อนใบหน้า มาแล้ว บางลายมีคำว่า Fight ที่เขาเอ่ยหลังถูกยิงเฉียดตายด้วย ภาพเทรนด์ใหม่เหล่านี้มาจากหลายเมืองในฟลอริดา กระแสนี้ยังไปไกลถึงอิตาลี ตอนนี้ที่เมืองเนเปิลส์ มีรูปปั้นทรัมป์หน้าเปื้อนเลือดไปตั้งอยู่บริเวณถนนท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว เป็นฝีมือ Marco Ferrigno ศิลปินที่ตั้งใจถ่ายทอดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เก็บนาทีสำคัญเอาไว้
อ่านข่าวอื่น :
สื่อนอกตีข่าวพบ 6 ศพในโรงแรมใจกลางกรุงฯ
ตร.เปิดกระเป๋าเดินทาง 8 ใบ ของชาวเวียดนาม 6 ศพ พบยาเม็ดส่ง พฐ.ตรวจ