ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงาน ปปง. แถลงความคืบหน้าคดีหุ้น (STARK) สตาร์ค ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้รับการประสาน รับตัวนายชนินทร์ เย็นสุดใจ ผู้ต้องหารายสำคัญจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนที่ 11 คน ขณะนี้อัยการได้มีคำสั่งฟ้องต่อศาล โดยผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ
พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้สืบสวนขยายผล และติดตามเส้นทางการเงินของเครือข่ายผู้ต้องหา พบว่า มีเงินที่จากได้จากการกระทำผิดถูกโอนไปยังบัญชีบุคคลอื่นประมาณ 7 คน ในช่วงระหว่างและหลังที่กระทำความผิด พบการโอนครั้งละประมาณ 50 - 100 ล้านบาท รวมยอดการโอนเงินเข้าบัญชีทั้งหมดประมาณ 380 ล้านบาท
จำนวนนี้ มีผู้ต้องหาที่ถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ 2 คน ส่วนอีก 5 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหา จากการสืบสวนพบว่ายังถูกหมุนเวียนอยู่ในประเทศ
นายวิทยา นีติธรรม โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เปิดเผยถึงขั้นตอนการยึดอายัดทรัพย์สินทางผู้กระทำความผิดเพื่อดำเนินการคืนให้กับผู้เสียหาย เบื้องต้นทาง ปปง.ได้อายัดทรัพย์สินคดีนี้ จำนวน 3,245 ล้านบาท อยู่ระหว่างขั้นตอนการยื่นคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย โดยพบว่า มีจำนวนผู้มายื่นขอรับทรัพย์สินจำนวน 4,724 ราย เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมมูลค่าความเสียหายตามคำร้อง ประมาณ 15,000 ล้านบาท
หลังจากเมื่อรับคำขอ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบหลักฐานว่า เข้าข่ายการขอรับสิทธิหรือไม่ หลังจากนั้นก็จะประมวลเรื่องเข้าสู่กระบวน ก่อนรวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งให้พนักงานอัยการ ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
ส่วนการพิจารณาคืนเงินงวดแรกให้กับผู้เสียหายได้นั้น ขึ้นอยู่ที่คำสั่งศาลถึงที่สุด และขั้นตอนการพิจารณาคืนทรัพย์ให้ผู้เสียหาย จะพิจารณาตามสัดส่วนความเสียหายของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ
ประกอบกับคดีนี้เชื่อว่าผู้ต้องหาสู้คดีถึงที่สุด เพราะบางคนมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย สำหรับทรัพย์สินที่เหลือ อยู่ระหว่างติดตามกลับคืนมา และทั้งที่อยู่ในต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ ปปง.กำลังอยู่ในขั้นตอนประสานกับทางการต่างประเทศ เพื่ออายัดทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหาย
อ่านข่าว : จับตา "หุ้นซิ่ง" ซ้ำรอย "สตาร์คฯ"
ผู้เสียหาย "หุ้นกู้สตาร์ค" ร้องขอความเป็นธรรมอัยการสูงสุด
ศาลไฟเขียวดำเนินคดีแบบกลุ่ม "class action" ในคดีทุจริตหุ้นกู้สตาร์คฯ