ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศึกชิงเก้าอี้สภาฝรั่งเศส "ฝ่ายซ้าย" จ่อชนะเลือกตั้ง

ต่างประเทศ
8 ก.ค. 67
12:07
768
Logo Thai PBS
ศึกชิงเก้าอี้สภาฝรั่งเศส "ฝ่ายซ้าย" จ่อชนะเลือกตั้ง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ประชาชนชาวฝรั่งเศสได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสรอบ 2 สืบเนื่องจากการประกาศยุบสภาของ "มาครง" เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ต้นตอมาจากการเสียคะแนนนิยมให้กลุ่มการเมืองฝ่ายขวา แตปรากฏว่ากระแสผิดความคาดหมาย ฝ่ายขวาไม่ได้มาแรงตามคาด

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2567 กลุ่มผู้ชุมนุมที่ต่อต้านแนวคิดขวาจัดรวมตัวกันบริเวณจัตุรัส PLACE DE LA REPUBLIQUE ใจกลางกรุงปารีส หลังจากผลสำรวจหน้าคูหาหรือ Exit poll ชี้ว่าการเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสรอบที่ 2 ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.ค. พันธมิตรการเมืองฝ่ายซ้ายได้คะแนนนำอย่างเหนือความคาดหมาย หลายคนถึงกับร้องไห้และโผกอดกันด้วยความตื้นตัน หลังผลการเลือกตั้งเบื้องต้นสะท้อนว่าชาวฝรั่งเศสโดยรวมไม่ได้สนับสนุนกลุ่มการเมืองขวาจัดมากเท่าที่คาด

การเลือกตั้งทั้ง 2 รอบที่ผ่านมา เป็นการเฟ้นหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศส 577 ที่นั่ง และพรรคที่จะครองเสียงข้างมากจะต้องได้ที่นั่งในสภาเกิน 289 ที่นั่ง

ผลเบื้องต้น คาดว่า New Popular Front (NFP) พันธมิตรการเมืองฝ่ายซ้าย น่าจะได้ที่นั่งในสภาราว 200 ที่นั่ง ตามมาด้วย Ensemble หรือแนวร่วม Together ของมาครง น่าจะได้ราว 168 ที่นั่ง ต่อด้วย National Rally (RN) พรรคขวาจัดที่คาดว่าจะได้ 139 ที่นั่ง

ตัวเลขเหล่านี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ ซึ่งผลทางการอาจจะทราบช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นฝรั่งเศส (8 ก.ค.2567)

ก่อนหน้านี้ การประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองจำนวนไม่น้อย ชี้ว่า National Rally (RN) พรรคการเมืองขวาจัดที่นำโดย มารีน เลอ เปน จะได้รับคะแนนนิยมมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ผลปรากฏว่า RN ทำได้คะแนนเพียงอันดับ 3

ขณะที่ผลการเลือกตั้งภาพรวมทำให้การเมืองฝรั่งเศสในอนาคตส่อเค้าไร้เสถียรภาพ หลังจากขั้วการเมืองทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายซ้าย กลุ่มการเมืองสายกลางของเอมมานูเอล มาครง ปธน.ฝรั่งเศส และกลุ่มขวาจัด ต่างได้ที่นั่งในจำนวนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ส่งผลให้ส่วนแบ่งเก้าอี้ในสภาอยู่ในภาวะสภาแขวน ไม่มีพรรคหรือกลุ่มการเมืองใดครองเสียงข้างมาก

กาเบรียล แอตตัล นายกฯ ฝรั่งเศส

กาเบรียล แอตตัล นายกฯ ฝรั่งเศส

กาเบรียล แอตตัล นายกฯ ฝรั่งเศส

ก่อนหน้านี้ กาเบรียล แอตตัล นายกฯ ฝรั่งเศส จากกลุ่มแนวร่วมฝ่ายกลางของ แอมานุแอล มาครง ประกาศจะยื่นหนังสือลาออกในวันนี้ (8 ก.ค.2567) หลังผลการเลือกตั้งชี้ว่าทางกลุ่มได้คะแนนเป็นรองกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย แอตตัล เป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส และเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค.

การเลือกตั้งในฝรั่งเศสแบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรกจัดขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยผู้สมัครที่ได้คะแนนเกินครึ่งจะถือว่าชนะการเลือกตั้งและไม่ต้องลงทำศึกรอบ 2 ซึ่งจากทั้งหมด 577 ที่นั่ง มีผู้สมัครที่คว้าเก้าอี้เอาไว้ได้แล้วในการเลือกตั้งรอบแรก 76 คน ในจำนวนนี้ 39 คนเป็นผู้สมัครจากพรรคขวาจัด ตามมาด้วยฝ่ายซ้าย 32 คน และแนวร่วมรัฐบาลได้ไป 2 คน

แต่ถ้าเขตไหน ผู้ชนะได้คะแนนไม่เกินครึ่ง คนที่ได้คะแนนร้อยละ 12.5 ขึ้นไป จะได้ลงแข่งรอบ 2 ซึ่งในการเลือกตั้งรอบนี้ ฝ่ายต่อต้านขวาจัดจะเสียเปรียบ เพราะซ้ายกับกลางแย่งเสียงกันเอง ดังนั้นจึงเกิดเป็นสูตรการถอนตัวเพื่อสกัดขวาของผู้สมัครมากกว่า 210 คน เพื่อทำให้ผู้สมัครในแต่ละเขตเหลือ 2 คน ชาวฝรั่งเศสจะได้เลือกง่ายขึ้น โดยแบ่งเป็นขวาปะทะซ้าย 146 ที่นั่ง และขวาปะทะกลาง 124 ที่นั่ง

แม้พรรคขวาจัดจะไม่สามารถคว้าตำแหน่งพรรคอันดับ 1 มาได้ แต่ตัวเลข สส.ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จาก 8 ที่นั่งในปี 2560 เป็น 89 ที่นั่งในปี 2565 และล่าสุด น่าจะเก็บมาได้ราว ๆ 132 ถึง 152 ที่นั่ง ก็ทำให้เราไม่สามารถมองข้ามความนิยมและอิทธิพลของพรรคนี้ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระแสเอียงขวากำลังมาแรงอยู่บนเวทีการเมืองยุโรป

ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับผลงานนับ 10 ปี ของ มารีน เลอ เปน ในการเปลี่ยนชื่อและปรับภาพลักษณ์ของพรรค ซึ่งช่วยขยายฐานเสียง และทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่า พรรคนี้ไม่ได้มีแนวคิดสุดโต่งเหมือนในอดีต หรือในยุคของ เลอ เปน ผู้เป็นพ่อ รวมทั้งไม่ได้รู้สึกผิดที่จะสนับสนุนพรรคนี้

ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็น ชี้ว่า ชาวฝรั่งเศสส่วนหนึ่งเชื่อมั่นว่าพรรคของ เลอ เปน ซึ่งหาเสียงเรื่องการแก้วิกฤตค่าครองชีพ จะจัดการปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่าพรรคอื่นๆ ทั้งๆ ที่พรรคนี้ขาดประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาล ขณะที่นโยบายหลาย ๆ อย่างก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการตัดลดภาษีและขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ



แม้ว่าผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จะพลิกทุกโผ เพราะพรรค RN ถูกผลักลงไปอยู่ในอันดับ 3 แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ผิดคาด นั่นคือ ไม่มีพรรคไหนที่สามารถคว้าที่นั่งได้เกิน 289 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ ดังนั้น การเมืองฝรั่งเศสนับจากนี้ น่าจะเต็มไปด้วยความไร้เสถียรภาพ

อ่านข่าวอื่น : 

นายกฯ​ เผย​ "สุทิน​" ยังไม่ลงนาม​ เสนอแก้สัญญาซื้อเรือดำน้ำ

ร้องกองปราบ "บ้านออมทองณัชปภา" หลอกลงทุน 300 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง