ไม่ต่างจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินหน้าสู้คดี มาตรา 112 หรือมีแผนรับมืออย่างไร โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการประกันตัว ในการยื่นขอวันที่ 18 มิ.ย. ที่อัยการนัดไปพบเพื่อนำตัวส่งฟ้องศาล
แต่ที่ถูกสอดแทรกชวนให้จับตาเป็นพิเศษ คือจู่ ๆ นายทักษิณ ก็หยุดความเคลื่อนไหวทุกอย่าง ทั้งที่เพิ่งเดินสายปรากฏตัวไปทั้งที่ จ.นครราชสีมา และเดินทางไปวัดสวนแก้ว นมัสการพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาส เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม
นายทักษิณอยู่ไหน? ยังอยู่ในไทย หรือเดินทางออกนอกประเทศแล้ว
เป็นคำถามที่ถูกพูดถึงกันมากในช่วง 2-3 วันมานี้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์และข่าวลือในโซเชียลว่า นายทักษิณไม่อยู่ในประเทศไทยแล้ว เพราะกังวลใจเรื่องคดีมาตรา 112
ทั้งสรรหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนข่าวนี้ โดยอ้างกูรูการเมืองส่วนหนึ่งฟันธงว่า “ดีลลับ” ไปต่อไม่ได้ เหตุเพราะล้ำเส้น ทำเกินกว่าที่มีการตกลงกันไว้
จึงถูกกลุ่มอำนาจเก่าเอาคืน เป็นการให้บทเรียนและสกัดเส้นทางเปิดโล่งก่อนหน้านี้ เพื่อให้ทำตาม “ดีลเดิม” หรือบ้างก็ว่า บีบมีการเจรจาใหม่
กูรูบางคนถึงขั้นเชื่อมโยงถึงสถานภาพของนายเศรษฐา บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ที่อาจต้องสละเก้าอี้สำคัญ เพื่อให้ “นายใหญ่” ได้ไปต่อ พ้นจากพันธการไม่ต้องมีคดีใหม่งอกเงยกวนใจ
แต่ชุดข้อมูลนี้ ถูกปฏิเสธจากกูรูทางการเมืองอีกส่วนหนึ่ง ที่เชื่อว่านายทักษิณฯไม่ได้ถอดใจ พร้อมเดินหน้าต่อ เพราะกว่าจะได้เดินทางกลับประเทศต้องใช้เวลาระหกระเหินอยู่ในต่างประเทศถึง 17 ปี เมื่อกลับมาแล้วและมาถึงจุดนี้ได้ จะไม่มีทางถอยกลับหรือเผ่นหนีไปต่างประเทศอีกแล้ว
เพราะในเชิงการเมือง ไม่ว่ากลไกหรืออำนาจรัฐ ล้วนอยู่ในฝ่ายของตน ไม่ว่าจะมองจากเหลี่ยมไหน ล้วนแล้วแต่ได้เปรียบ เรื่องดำริที่ออกมา ล้วนถูกขานรับ เช่น กรณีรื้อการประชุมครม.เศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายทักษิณยังมีภารกิจที่ต้องทำต่อ ไม่ว่าจะปลุกพรรคเพื่อไทย ให้กลับมาเป็นพรรคยอดนิยมเบอร์ 1 อีกครั้ง และการนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับคืนประเทศไทย
เท่ากับเป็นมุมมองและความเชื่อ 2 ด้านที่ปะทะกันอยู่ โดยทางรัฐบาลก็น่าจะทราบดีว่า หากปล่อยคาราคาซังไว้ จะไม่เป็นผลดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายเศรษฐา จะออกโรงพูดสยบข่าวลือเรื่องนี้
โดยยืนยันว่า ได้พบกับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้สอบถามถึงนายทักษิณ และได้รับคำตอบว่า พ่อสบายดี จึงมั่นใจว่า นายทักษิณไม่ได้ออกนอกประเทศ
ทั้งยังมั่นใจว่า นายทักษิณพร้อมสู้คดี มาตรา 112 และได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว สอดคล้องกับ ”อุ๊งอิ๊ง” ที่พูดก่อนหน้านี้ว่า นายทักษิณยินดีหากเรื่องเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล เพราะจะได้มีโอกาสชี้แจง
นายเศรษฐา ยังปฏิเสธข่าวสัญญาลับกับนายทักษิณ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นส่วนหนึ่งใน “ดีลลับ” นำไปสู่กระแสข่าว จะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องสัญญาใจกับอดีตผู้นำคนใด เพราะต้องทำตัวเป็น “น้ำไม่เต็มแก้ว”
เท่ากับปฏิเสธการเป็นส่วนหนึ่งในข้อต่อรองหรือ “ดีลลับ” ที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ในช่วงจังหวะเวลาที่รัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาและแรงกดดันสาระพัดที่รุมเร้า ทั้งกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญจากความพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษฉบับสุดซอยเหมาเข่ง จนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษฯณ์ อยู่ไม่ได้มาแล้ว
หรือเรื่องนายเศรษฐา ถูก 40 สว.ยื่นสอยจากตำแหน่งนายกฯ เรื่องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 2568 และกฎหมายประชามติ วันที่ 18-21 มิ.ย.นี้ ทุกเรื่องล้วนสำคัญ
และส่งผลให้เดือนมิถุนายนเต็มไปด้วยปมร้อนทางการเมืองมากมาย ทำให้คอการเมืองได้ลุ้นได้ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมทั้งกรณีของนายทักษิณ
ที่จะสะท้อนให้เห็นทิศทางและแนวโน้มชัดเจนยิ่งขึ้น คือคิวที่นายทักษิณ จะไปเป็นประธานงานบวชหลานชายนายกฯ เทศมนตรีเทศบาลตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี วันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.นี้
หากเป็นไปตามกำหนดเดิม เท่ากับเป็นคำตอบในทีว่านายทักษิณพร้อมสู้ต่อ และไม่ได้เผ่นหนีอย่างที่มีปลุกกระแสขณะนี้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "ขยะล้นเมือง" คนไทยสร้างขยะเฉลี่ย 7.3 หมื่นตัน/วัน