วันนี้ (26 เม.ย.2567) เมื่อเวลา 16.00 น. นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด นัดพนักงานทุกคนเพื่อชี้แจงข้อมูลรายละเอียดกรณีการปิดสำนักข่าว VOICETV อย่างเป็นทางการ โดยระบุเบื้องต้นว่าคำสั่งปิดดังกล่าว จะมีผลใน 26 พ.ค.นี้
ขณะที่ VOICE TV ออกแถลงการณ์ประกาศอำลาผู้ชมจากทีมงานวอยซ์ ระบุว่า ตลอด 15 ปี ที่ผ่านมา วอยซ์เป็นสื่อมืออาชีพ ที่สร้างสรรค์แนวทางการนำเสนอใหม่ๆ ผลักดันให้สังคมตั้งคำถามกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และกระตุ้นให้เกิดการตื่นรู้ มีความหวัง และเลือกใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และประชาธิปไตย
เราผ่านภาวะวิกฤตมามากมาย ผ่านเหตุการณ์สำคัญ ผ่านความรัก และความปลุกปั่นเกลียดชัง ทั้งทางการเมือง การชุมนุม และการรัฐประหาร ผ่านวิกฤตโควิด และวิกฤต disruption ของวงการสื่อ จากดาวเทียม สู่ดิจิทัลทีวี สู่ออนไลน์และแพลตฟอร์มโซเชียล
เราฝ่าฟันอุปสรรค เพื่อมุ่งสร้างกิจการให้มั่นคงตลอดมา ทุกครั้งที่เราเห็นผู้ประกอบการหลายราย พยายามฝ่าภาวะวิกฤตจากผลประกอบการ และหยุดกิจการไป เราก็ยังปักหลักปรับเปลี่ยนการบริหาร จัดการจากข้อจำกัดต่างๆ เพื่อมุ่งสู่การแสวงหากำไรความยั่งยืนให้กับ Voice TV เพื่อเป็นหลักให้ผู้สื่อข่าวและผู้ปฏิบัติงานทุกคนได้มีโอกาสทำหน้าที่ตามปรัชญาสื่อมวลชน ท่ามกลางการลดขนาดกิจการ เราประเมินสถานการณ์ตัวเองและเลือกที่จะฝ่าฟันเดินหน้า
วันนี้ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ประเมินกิจการและภาวะวิกฤตในอุตสาหกรรมอย่างรอบด้านแล้ว มีความเห็นสรุปปิดกิจการ เนื่องจากกลไกตลาด เทคโนโลยีแพลตฟอร์มมีผู้ผลิตมากมายและหลากหลาย ที่สามารถสานต่อภารกิจสังคมต่างๆ ได้ขณะที่ประซาธิปไตยกำลังลงหลักเพื่อเริ่มต้นต่อไปได้
จากนี้ทางบริษัทจะมีการจ่ายชดเชย์ให้พนักงานทุกคนตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมโดยเราจะทยอยหยุดออกอากาศทั้งบนทีวี และออนไลน์ภายในเดือนพ.ค.นี้
ตลอด 15 ปี เราภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมผลิตผลงานเพื่อสังคม รวมถึงผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน อดีตพนักงาน ผู้สื่อข่าว ผู้ดำเนินรายการ ทั้งที่อยู่ปัจจุบัน และที่เคยมีส่วนร่วมสร้างมาด้วยกัน เราภาคภูมิใจในการสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคม เราภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เราทำ ตลอดมา
ประวัติช่อง Voice TV
บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2546 ในนามบริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ด้วยทุนจำนวน 300 ล้านบาท ประกอบธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ เพื่อนำออกอากาศเป็นการทั่วไป เดิมตั้งอยู่เลขที่ 414 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร (อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 1 ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น อาคารอินทัช) ประกอบด้วยกรรมการบริษัท 4 คนคือ พานทองแท้ ชินวัตร, พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์, ทรงศักดิ์ เปรมสุข, เฉลิม แผลงศร และมีผู้ถือหุ้นจำนวน 8 รายคือ บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชัน จำกัด (ร้อยละ 56.00), พานทองแท้ ชินวัตร (ร้อยละ 36.96), พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ (ร้อยละ 7.04) และบุคคลอื่นๆ รวมอีก 5 หุ้น มีผลงานผลิตรายการโทรทัศน์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดออกอากาศทางไอทีวี เช่น I Style, ใครรักใครหัวใจตรงกัน,ปลาเก๋าราดพริก,บางกอกรามา ฯลฯ รวมถึงเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่น ฮิคารุเซียนโกะ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อีกด้วย[10] เปลี่ยนชื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เป็นบริษัท วอยซ์สเตชัน จำกัด, เปลี่ยนครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เป็นชื่อปัจจุบัน
ต่อมาได้เข้าร่วมประมูลโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ประเภทบริการธุรกิจระดับชาติ หมวดหมู่ข่าว เหตุการณ์ปัจจุบัน และสาระ ได้ช่องหมายเลข 21 และเริ่มทดลองออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ลงมติอนุมัติการคืนใบอนุญาตวอยซ์ทีวี ของบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด และให้ยุติการออกอากาศเฉพาะทีวีดิจิทัลช่อง 21 ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562 จากนั้นวอยซ์ทีวีจึงแพร่ภาพออกอากาศบนดาวเทียม ตั้งแต่เวลา 00:01 น. เป็นต้นไป ในหลาย ๆ ช่องทางของทีวีดาวเทียมสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเช่าสัญญาณช่อง V2H2 ในระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง 51 ของเอ็มวีทีวี ในการออกอากาศ
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 วอยซ์ทีวีได้ประกาศปิดกิจการ และยุติการออกอากาศทุกช่องทาง โดยจะเลิกจ้างพร้อมทั้งจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานฝ่ายต่าง ๆ ทั้งหมด จำนวนมากกว่า 100 คน และทยอยยุติการออกอากาศรายการต่าง ๆ ภายในช่วงเดือนพฤษภาคม และจะปิดสถานีในทุกช่องทางทั้งโทรทัศน์และออนไลน์ลงอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567