ฝ่ายรัฐบาลคงประเมินสถานการณ์ และทราบระแคะระคายจากสปายวงในฝ่ายค้านว่า ครั้งนี้จัดเต็มไม่ยั้ง ฉะนั้นหากปล่อยให้ยื้อเยื้อ จะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล เพราะจะมี “ลูกชิ่ง” กระทบถึงคนนอกวง ครม. อย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
แม้จะมีขู่ทั้งจากแกนนำและประธานวิปรัฐบาล อ้างคนนอกไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ประกอบกับการฉายหนังตัวอย่างของนายรังสิมันต์ โรม ในกระทู้สด ถามถึงกระบวนการยุติธรรมเอื้อนายทักษิณ เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ทำเอาป่วนไปทั้งพรรคเพื่อไทย กระทั่งปรากฏภาพ ประธานสภาฯ นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ต้องทำหน้าที่เป็นตัวช่วย ปะทะฝีปากกับ สส.ก้าวไกล อีกแรงหนึ่ง
เป็นสัญญาณเตือน “ของจริง” จะมีมากกว่านั้น แม้พรรคก้าวไกล จะยังไม่พูดชัดเจนว่า จะมีอภิปรายเรื่องกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน ที่โยงไปถึงนายทักษิณด้วยหรือไม่ แต่การอุ่นเครื่อง และขี่ม้าเลียบค่าย ก็เสมือนเล่นสงครามจิตวิทยา ข่มขวัญอีกฝ่ายในทีอยู่แล้ว
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยฝากผลงานการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ไว้ในความทรงจำผู้คน และคอการเมืองอยู่แล้ว ประกาศชัดตั้งแต่ต้น มีเรื่องความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม รวมอยู่ในการอภิปรายด้วย ยิ่งเพิ่มดีกรีองศาเดือดยิ่งขึ้น แม้กูรูการเมืองบางคน ไม่มั่นใจว่าจะมี “ของจริง”จากประชาธิปัตย์หรือไม่
แต่หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ย้ำว่า ประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีล้มมวย โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะเป็นคนนำทัพ
อีกคนที่เกาะติดเรื่องนี้มาตลอด คือ นายชัยชนะ เดชเดโช ประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนฯ ดังนั้น เชื่อได้ว่าคนใดคนหนึ่ง หรืออาจทั้ง 2 คน ต้องกระทุ้งเปิดแผลเรื่องนี้อีก
แม้พรรคเพื่อไทย จะจัดวาง สส.ทำหน้าที่องครักษ์ไว้พร้อม และได้แสดงบทบาทมาหลายครั้งแล้วในช่วงที่ผ่านมา นำทีมโดย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ และมี สส.หน้าใหม่อีกหลายคนในพรรค
อาจรวมถึงนายวิสุทธิ์ ไชยณรุน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยังไม่นับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่จะคอยเป็นตัวช่วย เรื่องถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมาย
เท่ากับเรื่อง 2 มาตรฐานและความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย มีให้ได้ลุ้นสนุกแน่นอน นอกจากนี้ ยังถือเป็นเรื่องที่ค้างคาใจผู้คนเพราะเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด แม้แต่ในมวลชนคนเสื้อแดงที่เคยเป็นแนวร่วมในอดีตก็ไม่พอใจ เพราะส่วนหนึ่งยังติดคุกติดตะรางอยู่ จากกรณีเผาศาลากลางจังหวัดหลายแห่งในภาคอีสาน ต่างจาก “นายใหญ่” ไม่ได้เข้าเรือนจำจริงแม้แต่วันเดียว
จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต้องให้น้ำหนัก ไม่ประมาท และต้องการฝ่าฟันไปให้ได้ โดยมีริ้วรอยและบาดแผลน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะแม้จะเป็นอภิปรายไม่ลงมติ แต่หากรัฐบาลเสียรังวัด หรือโดนทุบจนน่วม ย่อมไม่เกิดผลดีต่อภาพพจน์และการเดินหน้าไปต่อของรัฐบาลอย่างเลี่ยงไม่พ้น และยังต้องเจอกับอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 โดยมีการลงมติ ในการประชุมสภาสมัยหน้า รออยู่อีก
ศึกนี้จึงเป็นด่านทดสอบสำคัญ และไม่ควรใจกว้างให้เวลาฝ่ายค้านเต็มที่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากต้องดึงเวลาจากฝ่ายค้านกลับมาอีก 4 ชั่วโมงเพื่อความอุ่นใจ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา