วันนี้ (21 มี.ค.2567) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การส่งออกสินค้าไอศกรีมเติบโตต่อเนื่องติดต่อกัน 7 ปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ตั้งแต่ปี 2560 – 2566 ร้อยละ 12.43 ต่อปี
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
โดย ปี 2566 มีมูลค่าการส่งออกไอศกรีมรวม 148.21 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5,099 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.3 พบว่าไทยเป็นผู้ส่งออกไอศกรีม อันดับที่ 11 ของโลก รองจาก เยอรมนี ฝรั่งเศส เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ อิตาลี โปแลนด์ สหรัฐอเมริกา สเปน สหราชอาณาจักร และ ฮังการี
จะเห็นว่าในบรรดาประเทศผู้ส่งออกไอศกรีม ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 4 ของโลก รองจากกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร
ส่งออกไอศกรีม
ผอ.สนค.กล่าวอีกว่า ไอศกรีมเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น โดยรายงานมูลค่าตลาดไอศกรีมของEuromonitor International พบว่า ปี 2566 ตลาดไอศกรีมโลกมูลค่าค้าปลีกอยู่ที่ 86,719.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับปี 2565
โดยประเทศที่มีตลาดไอศกรีมขนาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าค้าปลีก 19,994.5 ล้านเหรียญสหรัฐ รอลงมาเป็น จีน 8,247.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่น 5,581.2 ล้านเหรียญสหรัฐ รัสเซีย 3,576.0 ล้านเหรียญสหรัฐ และ บราซิล 3,232.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ตลาดไอศกรีมของไทยมีมูลค่าค้าปลีก 396.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.0 มีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพอากาศที่ร้อน ความนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และไลฟ์สไตล์ที่ต้องเดินทาง (On The Go Lifestyles) เพิ่มขึ้นของคนไทย
กระแสความต้องการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ทำให้ผู้บริโภคมองหาอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน และมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี ซึ่งก็ส่งผลต่อแนวโน้มการบริโภคไอศกรีมเช่นกัน
ไอศกรีมทุเรียน
อย่างไรก็ตามผู้บริโภคต้องการบริโภคไอศกรีมที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งไอศกรีมที่ผลิตจากนมวัว ไอศกรีมแพลนต์เบส ใช้นมจากพืช เช่น อัลมอนด์ พิสตาชิโอ ข้าวโพดหวาน และไอศกรีมที่มีส่วนผสมจากผลไม้ และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น เช่น ไอศกรีมที่ไม่มีแลคโตส ไอศกรีมที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยลง
นอกจากจะตอบโจทย์ด้านสุขภาพแล้ว ยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มที่แพ้นมวัว และสำหรับไอศกรีมแพลนต์เบส และไอศกรีมจากผลไม้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาววีแกนหรือรับประทานอาหารเจได้เป็นอย่างดี
"ผู้บริโภคยุคใหม่ก็เริ่มให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืน (Sustainability) ทำให้ปัจจุบันผู้ผลิตไอศกรีมรายใหญ่มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้ตู้แช่ไอศกรีมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Freezer) เปลี่ยนจากพลาสติกเป็นกระดาษ ซึ่งกระตุ้นความต้องการบริโภคได้อีกทางหนึ่งด้วย"
สำหรับส่วนแบ่งมูลค่าการส่งออกไอศกรีมของไทยในตลาดโลก ปี 2565 ไทยมีมูลค่าการส่งออกไอศกรีมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2.6 ของมูลค่าการส่งออกไอศกรีมทั่วโลก ขณะที่สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร มีส่วนแบ่งมูลค่าการส่งออกไอศกรีม ร้อยละ 68.4 5.0 และ 3.0 ของมูลค่าการส่งออกไอศกรีมทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังพบว่าการส่งออกไอศกรีมของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2566 ไทยมีมูลค่าการส่งออก 148.21 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ5,099 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.3
สำหรับปี2567เดือนม.ค.2567 ไทยมีมูลค่าการส่งออก 9.91 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ343 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และตลาดส่งออกไอศกรีมที่สำคัญของไทยปี 2566 ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย ไทย เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์ กัมพูชา
ไอศกรีมผลไม้
นายพูนพงษ์กล่าวอีกกล่าว ไทยเป็นผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 1 ของเอเชีย เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกหลัก ไทยเป็นรองเพียงแค่สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นว่าไอศกรีมเป็นอีกหนึ่งสินค้าส่งออกศักยภาพของไทย
เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมด้านวัตถุดิบที่หลากหลาย และสามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นไอศกรีมได้อย่างสร้างสรรค์และถูกใจผู้บริโภค ผลไม้ไทยเกือบทุกชนิดสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตไอศกรีมรสชาติต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ขนมไทยก็ถูกนำมาประยุกต์เป็นไอศกรีมได้อย่างน่าสนใจ
ขณะที่ สมุนไพรไทยก็สามารถเป็นส่วนผสมในไอศกรีมเพื่อชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย ตลอดจนการรังสรรค์รูปแบบและรูปทรงของไอศกรีม ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดผู้บริโภคโดยเฉพาะชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น ผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวและปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เพื่อสามารถพัฒนาไอศกรีมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และแสวงหาโอกาสในการส่งออกไปยังตลาดคู่ค้าใหม่ ๆ มากขึ้น เนื่องจากไอศกรีมไทยยังมีช่องว่างในการเติบโตได้อีกมากทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดโลก
อ่านข่าวอื่นๆ:
พืชสำคัญเศรษฐกิจ ราคาดีทุกตัว พาณิชย์ลุยต่อปุ๋ยราคาถูกเฟส 2
ชาวนาเป๋าตุง ธ.ก.ส.โอนจ่ายไร่ละ 1,000 อีก 1.5 หมื่นครัวเรือน
ขึ้นแรง! ทองปรับราคา All-time high แนะนักลงทุนถือต่อทองคำแท่ง