วันนี้ (13 เม.ย.2568) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า ยังเดินหน้าค้นหาต่อไป โดยเจ้าหน้าที่พยายามเปิดพื้นที่ถึงจุดที่มีการกล่าวอ้างว่าพบแสงไฟ ขณะนี้ขุดไปจนถึงบริเวณใกล้เคียงลึกลงไปประมาณ 3 เมตร
เจ้าหน้าที่ได้นำสุนัข K9 และเครื่องสแกนเข้าตรวจ แต่ไม่พบสัญญาณหรือสิ่งของอะไร ซึ่งคาดว่าอาจเป็นกระจกที่แตกและสะท้อนแสงออกมา แม้ว่าจุดนี้จะไม่พบผู้สูญหาย แต่การค้นหายังพยายามอย่างเต็มที่ เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 เม.ย.) ระหว่างทางเข้าไปจุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบร่างผู้สูญหายเพิ่มอีก 2 คน ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 37 คนแล้ว
จากการเข้าค้นหาจนถึงเวลานี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าส่วนใหญ่พบผู้สูญหายอยู่ที่โซน B และ C เนื่องจาก 2 จุดนี้อยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟและทางเชื่อมอาคารจอดรถ ขณะนี้การรื้อซากอาคารดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 40
สำหรับแผนปฏิบัติการหลังจากนี้จะเน้นรื้อโซน E ที่อยู่ด้านบนก่อน เพราะอุปสรรคคือเหล็กอัดแรงที่มีความเหนียวกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กปกติ 5 เท่า โดยความสูงของซากอาคารขณะนี้ลดลงมาประมาณ 3 เมตรแล้ว
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ กรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กทม. เข้าเก็บหลักฐานบางส่วนประกอบด้วย เหล็กและซีเมนต์ เพื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ดีเอสไอยังคงเข้าพื้นที่หน้างานอย่างต่อเนื่องเพื่อเก็บหลักฐาน รวมถึงการสอบสวน ซึ่งการสอบสวนมีความคืบหน้าไปมากและจะนัดหมายผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนคดีการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือ นอมินี เข้าให้ข้อมูลในวันที่ 18 เม.ย.-15 พ.ค. โดยมีบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้ง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด รวมถึงบริษัทที่ร่วมประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง.
อ่านข่าว
พบเพิ่ม 1 ร่างติดค้างใต้ซากตึก สตง.โซนบี นำส่งพิสูจน์อัตลักษณ์
"อนุทิน" เผย ปภ.เร่งปรับค่าช่วยงานศพเหตุตึกถล่มคนละ 100,000
ผู้ว่าฯ สตง.เผยรอผลสอบสาเหตุตึกถล่ม จี้อิตาเลียนไทยรับผิดชอบ