เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2567 กลุ่มอาชญากรโจมตีย่านหรูในกรุงปอร์โตแปรงซ์ 2 แห่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับสิบคน ก่อนหน้านี้ย่านหรูในเมืองหลวงของเฮติค่อนข้างจะสงบ แม้ว่าจะเกิดเหตุรุนแรงกระจายหลายจุด นับตั้งแต่กลุ่มอาชญากรเปิดฉากก่อเหตุวุ่นวายในเมืองตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทยอยเข้าเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตในแถบ Petion-Ville ชานกรุงปอร์โตแปรงซ์ โดยมีรายงานว่าเกิดเหตุยิงคนเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งบนถนนสายหลักและใกล้กับสถานีบริการน้ำมัน แต่ทางการยังไม่ออกมาให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม
ความรุนแรงระลอกนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคุกรุ่น แม้ว่า "อารีแยล อองรี" นายกรัฐมนตรีเฮติ ประกาศจะลาออกตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างยังอยู่ที่เปอร์โตริโก หลังเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มต่อต้านและนานาชาติในการครองอำนาจบริหารประเทศต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2021
แต่การประกาศดังกล่าวทำให้ความวุ่นวายสงบลงได้ไม่กี่วัน เนื่องจากชาวเฮติมองว่า พวกเขาต้องการกำหนดอนาคตประเทศด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ต่างชาติ ทั้งสหรัฐฯ หรือประชาคมแคริบเบียนเป็นฝ่ายเลือก
อ่านข่าว : นายกฯ เฮติ "อารีแยล อองรี" ยอมลาออกหลังตั้งสภาเปลี่ยนผ่าน
ความไม่สงบในเฮติทำให้ประชาชนจำนวนมากทะลักข้ามพรมแดนเข้าไปยังสาธารณรัฐโดมินิกัน ส่งผลให้กองทัพโดมินิกันต้องกระจายกำลังคุมเข้มตามพรมแดนและจุดผ่านแดน
การประมาณการโดยหน่วยงานของยูเอ็นก่อนหน้านี้ ระบุว่า ความไม่สงบในเฮติทำให้ประชาชนกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศแล้วมากกว่า 360,000 คน รวมทั้งยังเกิดเหตุฆาตกรรม ลักพาตัวและความรุนแรงทางเพศเป็นวงกว้าง
"โดมินิกัน" ส่งกลับชาวเฮติลอบเข้าเมืองหนีความไม่สงบ
ทางการสาธารณรัฐโดมินิกันยังเนรเทศชาวเฮติอย่างต่อเนื่อง โดยนำชาวเฮติที่มีสถานะการเข้าเมืองโดยมิชอบหรือลักลอบเข้าเมือง และถูกคุมขังใน San Cristobal ชานกรุง Santo Domingo ขึ้นรถบรรทุกมายังเมืองชายแดนเพื่อส่งกลับประเทศ ซึ่งมีรายงานเด็กและผู้สูงอายุที่ต้องโดยสารบนรถบรรทุกอันแออัดยัดเยียดและอากาศถ่ายเทได้ไม่ดีนาน 5 ชั่วโมง เพื่อนำตัวไปยังชายแดน
ท่าทีของสาธารณรัฐโดมินิกัน เกิดขึ้นแม้องค์การสหประชาชาติจะเรียกร้องให้งดการบังคับส่งกลับชาวเฮติ เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยในบ้านเกิด
ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเฮติใกล้จะบรรลุการแต่งตั้งสมาชิกสภาเพื่อการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองแล้ว และยังคงหารือกับประชาคมแคริบเบียน โดยหวังว่าจะมีความคืบหน้าเร็วๆ นี้
ก่อนหน้านี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประกาศว่า กำลังจัดเตรียมเครื่องบินเช่าเหมาลำเพื่ออพยพพลเมืองกลับประเทศ แต่จุดที่เครื่องบินจะรอรับผู้อพยพจะอยู่ที่สนามบินในเมืองใหญ่อันดับ 2 ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ประมาณ 200 กิโลเมตร โดยผู้ที่ต้องการอพยพจะต้องเดินทางมาที่สนามบินด้วยตัวเอง
เส้นทางดังกล่าวเต็มไปด้วยอันตราย จึงขอให้ชาวอเมริกันที่ต้องการอพยพพิจารณาว่าสามารถเดินทางมาถึงสนามบินอย่างปลอดภัยได้หรือไม่ ซึ่งสหรัฐฯ อพยพเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความจำเป็นออกจากสถานเอกอัครราชทูตในกรุงปอร์โตแปรงซ์แล้วก่อนนี้ เช่นเดียวกับหลายประเทศที่อพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตออกจากเฮติ
อ่านข่าวอื่นๆ
ผลคะแนนเลือกตั้งชี้ "ปูติน" คว้าเก้าอี้ ปธน.รัสเซียสมัย 5