1.ตั้งสติ
ไม่ว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ การตั้งสติ คือสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่ต้องทำ อย่าตื่นตระหนกตกใจ ให้พยายามหายใจเข้า-ออกเป็นจังหวะ โดยปกติลิฟต์จะมีระบบความปลอดภัยสำรอง และมีระบบการระบายอากาศ รวมถึงไฟฉุกเฉิน
ภาพประกอบข่าว : รีบแจ้งเหตุให้คนภายนอกรับรู้
2.ปุ่มฉุกเฉิน
ในลิฟต์ส่วนใหญ่จะมีปุ่มฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือ "เป็นรูปกระดิ่งหรือระฆัง" ผู้โดยสารที่ติดลิฟต์ ให้กดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือ เพื่อส่งสัญญาณให้ภายนอกรับรู้
แต่ในกรณีที่ปุ่มฉุกเฉินไม่สามารถใช้งานได้ ให้ใช้วิธีการตะโกนออกไปหรือทุบประตูลิฟต์เพื่อขอความช่วยเหลือจากภายนอก แต่ห้ามงัดแงะประตูลิฟต์ หรือปีนขึ้นบนเพดานลิฟต์เด็ดขาด เพื่อป้องกันวงจรไฟฟ้าของลิฟต์เสีย จะทำให้การช่วยเหลือล่าช้าไปอีกได้
ภาพประกอบข่าว : ปุ่มฉุกเฉินรูปกระดิ่งหรือระฆัง
ปุ่มฉุกเฉิน ต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น อย่ากดเล่นเด็ดขาด!
3.โทรศัพท์แจ้งเหตุ
ตามปกติลิฟต์ในปัจจุบันจะมีระบบไฟฟ้าสำรองซึ่งจะสว่างขึ้นเมื่อลิฟต์ค้าง แต่หากประสบเหตุในลิฟต์ที่ไม่มีไฟสำรองหรือไฟสำรองเสีย ให้ใช้โทรศัพท์มือถือสร้างแสงสว่าง เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย โดยให้ส่องแสงไปทางประตูลิฟต์ เพื่อเป็นสัญญาณให้คนภายนอกรับรู้ รวมถึงแจ้งเหตุกับผู้คนภายนอก ไม่ว่าจะโทรหาหรือพิมพ์ข้อความ โดยให้แจ้งว่า
- จำนวนผู้โดยสารที่ติดในลิฟต์มีกี่คน
- มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่
- ตอนนี้ลิฟต์อยู่ชั้นไหน
- หากไม่รู้ให้บอกว่าเรากำลังขึ้นหรือลงมาจากชั้นไหน
ภาพประกอบข่าว : พยายามติดต่อคนภายนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ
ห้ามใช้ไฟแช็กเด็ดขาด เพราะจะทำให้ออกซิเจนหมดไวมากขึ้น!
4.เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด
ให้พยายามอดทนรอความช่วยเหลือจากภายนอกให้มากที่สุด ในขณะที่รอให้เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุดด้วย เช่น พูดให้น้อย อยู่เฉยๆ นิ่งๆ หายใจช้าๆ หากใส่เสื้อผ้าหนาๆ ให้ถอดออกเพื่อไม่ให้ร่างกายร้อนอบอ้าวจนต้องหายใจเยอะๆ
5.อย่านั่งหรือนอน
เมื่อลิฟต์ค้าง ให้ผู้โดยสารในลิฟต์ยืนเกาะราวหรือยืนหลังพิงผนังลิฟต์ อย่านั่งหรือนอนเด็ดขาด เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ร่างกายหายใจออกมา จะลงสู่ที่ต่ำ และก๊าซออกซิเจนจะลอยตัวขึ้นสูง หากร่างกายได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ จนหมดสติได้
ภาพประกอบข่าว : ห้ามนั่งหรือนอน ให้ยืนพิงผนังลิฟต์หรือหาราวเกาะ
แผนช่วยเหลือผู้โดยสารติดลิฟต์
โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ประจำอาคารจะมีแผนสำหรับช่วยเหลือคนกรณีลิฟต์ค้างอยู่แล้ว แต่หากคนทั่วไป บังเอิญได้ยินเสียงเคาะประตูลิฟต์ หรือ เสียงขอความช่วยเหลือ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่อาคาร หรือ 1669 ทันทีหากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
โดยแจ้งข้อมูลจำนวนคนในลิฟต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ และตอนนี้ลิฟต์ค้างอยู่ที่ชั้นใด
และให้แจ้งข้อมูลกับผู้ที่ติดอยู่ในลิฟต์ว่าขณะนี้กำลังให้ความช่วยเหลืออยู่ เพื่อสร้างกำลังใจให้ผู้ประสบเหตุ รวมถึงห้ามให้คนในลิฟต์แงะงัดประตูอย่างเด็ดขาด เพื่อลดอุบัติเหตุขณะที่กำลังช่วยเหลือ
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าวเพิ่ม : BTS แจงเหตุไฟฟ้าขัดข้อง ทำ "ตา-ยาย" ติดในลิฟต์นับชั่วโมง