วันนี้ (18 ม.ค.2567) นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลังของไทยและประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ส่งผลให้ช่วงจากนี้สถานการณ์การซื้อ-ขายมันสำปะหลังมีแนวโน้มคึกคักขึ้น โดยจุดที่ต้องเฝ้าระวังคือการซื้อ-ขายมันเส้นคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
โดยผู้ค้าบางรายอาจมีการปลอมปนดินทรายหรือซื้อขายมันเส้นที่มีความชื้นสูง เพื่อให้ได้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแล้วนำไปขายทำกำไรต่อ ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงมาตรฐานมันเส้นไทย ผู้ซื้อขาดความเชื่อมั่น และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังเสถียรภาพราคามันสำปะหลังในประเทศ คต. ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับมาตรฐานมันเส้นนำเข้า-ส่งออก จึงต้องคุมเข้มมาตรฐานมันเส้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดในช่วงกลางเดือนม.ค. 2567 ชุดตรวจของกรมฯ พบผู้นำเข้ามันเส้นคุณภาพต่ำกว่าที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ณ ด่านชายแดน 2 ราย ที่ด่านบ้านเขาดิน 1 รายและบ้านตาพระยา 1 ราย จ. สระแก้ว ปริมาณรวม 90 ตัน มูลค่า 720,000 บาท กรมได้พักทะเบียนผู้ประกอบการไม่สามารถนำเข้ามันเส้นได้ชั่วคราวจนกว่าจะนำมันเส้นที่มีปัญหาไปปรับปรุงให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด
สำหรับภาพรวมการจับกุมปี2566 พบว่ากรมได้ดำเนินการจับกุมผู้ประกอบการที่ลักลอบขนมันเส้นคุณภาพต่ำเข้ามา 15 ราย ปริมาณ 700 ตัน มูลค่าความเสียหาย 5.6 ล้านบาท ส่วนการตรวจคุณภาพมันเส้นส่งออก กรมฯ ได้จับตาผู้ส่งออกแต่ละรายมาโดยตลอด โดยเฉพาะรายที่มีพฤติกรรมซื้อ-ขายสินค้าโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพและเสนอขายในราคาต่ำกว่าตลาด และส่งชุดตรวจพิเศษที่ไปสุ่มตรวจชั้นหนึ่ง
นายรณรงค์ กล่าวอีกว่า เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมได้ออกมาตรการ 4 เข้ม คือ เข้มเจ้าหน้าที่กรมฯ เข้มบริษัทตรวจสอบมาตรฐานสินค้า เข้มมาตรฐานมันเส้นนำเข้า และ เข้มมาตรฐานมันเส้นส่งออก
มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้มันเส้นที่ไทยนำเข้า-ส่งออก ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังในประเทศอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งสุดท้ายแล้วประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังของไทยและผู้ประกอบการเอง
สำหรับราคามันสำปะหลังเริ่มผันผวน สาเหตุมาจากคุณภาพสินค้าได้สั่งเพิ่มความถี่การส่งชุดตรวจและชุดตรวจพิเศษลงพื้นที่ เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าให้เป็นที่ยอมรับและขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆลดการพึ่งพาตลาดจีน โดยตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศในทวีปแอฟริกา ฟิลิปปินส์ ตุรกี นิวซีแลนด์ อินเดีย และซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น
อ่านข่าวอื่นๆ:
กกพ.คาดค่าไฟฟ้า "พ.ค.-ส.ค." อยู่ที่ 4.20-4.25 บาทต่อหน่วย