เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2567 ตำรวจตรวจยึดทรัพย์สินจากนายธนภัทร อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาที่หลอกหญิงชราเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์และโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง โดยมีทั้งเงินสด 1,200,000 ล้านบาท, ทองรูปพรรณและทองแท่ง น้ำหนักรวม 22 บาท, สลากกินแบ่งรัฐบาล, สลากออนไลน์, รถยนต์ BMW และรถจักรยานยนต์ อีก 1 คน รวมมูลค่าแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ผู้ต้องหานำเงินจากบัญชีธนาคารของหญิงชราไปซื้อมา
วิธีการของผู้ต้องหาคนดังกล่าว คือ ไปตีสนิทหญิงชราผู้เสียหาย อาสาช่วยเหลือ โดยจุดเริ่มต้นของการขโมยเงินคือหญิงชราว่าจ้างใช้ชายคนนี้พาไปเบิกเงินที่ธนาคาร โดยระหว่างทำธุรกรรม ชายคนดังกล่าวได้ลวงให้เซ็นเอกสารเพื่อเปิดใช้งานธุรกรรมออนไลน์ รวมถึงติดตั้งแอปพลิเคชันธนาคารลงในโทรศัพท์ของตัวเอง
จากนั้นทยอยโอนเงินจากบัญชีของหญิงชรา ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2566 ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 15 ม.ค.2567 ครั้งละ 20,000-40,000 บาท จากนั้นนำเงินไปใช้หนี้สินและซื้อทรัพย์สินต่างๆ รวมระยะเวลาประมาณครึ่งเดือน ซึ่งผู้ต้องหาโอนเงินจากบัญชีของหญิงชราไปกว่า 3,000,000 บาท เมื่อถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาไม่ตอบ พร้อมอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจจะเอาทั้งหมด
ด้านผู้เสียหาย กล่าวว่า เงินในบัญชีเป็นเงินที่เก็บออมจากที่สามีที่ล่วงลซึ่งทำงานเป็นผู้รับเหมา โอนให้เดือนละ 20,000-30,000 บาท ตั้งแต่อายุ 25 ปี พร้อมยอมรับว่า ไม่ไว้ใจชายคนนี้ตั้งแต่แรก แต่ไม่มีทางเลือก เพราะต้องการไปทำธุรกรรมทางการเงิน ตัวเองไม่มีลูกและไปคนเดียวไม่สะดวก
พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผู้กำกับการ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ระบุว่า ผู้ต้องหากระทำต่างกรรมต่างวาระ นับรวมการโอนเงินได้ทั้งหมด 127 ครั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนต่อไป
ขณะที่นายเจษฎา ชะอ้อนชม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สวนกล้วย อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้รับเรื่องและให้การช่วยเหลือ พาหญิงชราไปอายัดบัญชีและเข้าแจ้งความ พร้อมฝากไปถึงญาติผู้สูงอายุให้ช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเสียงถูกหลอกลวงเนื่องจากไม่ชำนาญการใช้เทคโนโลยี
อ่านข่าวอื่นๆ
ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ คดีบิ๊กไบค์ชน "หมอกระต่าย" 10 ปี 2 เดือน
ตำรวจ ดส.จับชายวัย 21 เป็นล่ามให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
พ่อแม่เด็ก 3 เดือน ร้อง รพ.ดังนนทบุรีวินิจฉัยผิด-รอรักษาช้า จนเสียชีวิต