สื่อเยอรมนี "ตีแผ่" ต่างชาติจ่ายเงินหนีคดีค้าประเวณีเด็ก

ในสื่อสังคมออนไลน์ วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กรณีที่สื่อสาธารณะในเยอรมนี เผยแพร่สารคดีเกี่ยวกับขบวนการค้าประเวณีเด็กในไทย ซึ่งผู้ต้องหาต่างชาติจ่ายสินบนแล้วหลบหนีไป

ช่วงต้นของสารคดีช่อง DW Documentory นำมาเผยแพร่ เนื้อหาสารคดีข่าวชิ้นนี้ เป็นคดีการค้าบริการเด็กในพัทยา ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้อง หาชาวเยอรมัน 2 คนในข้อหาซื้อบริการเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่สุดท้ายทั้งคู่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เป็นเงินกว่าล้านบาท เพื่อหลบหนีเดินทางออกนอกประเทศสำเร็จ และปัจจุบันยังใช้ชีวิตตามปกติอยู่ที่เยอรมัน

สำหรับสื่อ DW หรือ ด็อยท์เชอเว็ลเลอ ต้นสังกัดที่เผยแพร่สารคดีชิ้นนี้ เป็นองค์กรสื่อสาธารณะระหว่างประเทศสาธารณะ ที่ถือครองโดยรัฐ ใช้งบประมาณอุดหนุนจากภาษีรัฐบาลกลางเยอรมนี แต่เนื้อหาเป็นอิสระจากอิทธิพลของรัฐบาล เพราะ DW เป็นสมาชิกของสหภาพการกระจายเสียงแห่งทวีปยุโรป

สารคดีชิ้นนี้ไม่สามารถรับชมได้ในไทย แต่มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ดาวน์โหลดมาเผยแพร่ จนเกิดกระแสวิจารณ์ในวงกว้าง

DW Documentory เผยแพร่ เนื้อหาสารคดีข่าวค้าบริการเด็กในพัทยา

ย้อนคดีการจับเจ้าของบาร์ ค้าประเวณีเด็ก 

หากย้อนไปดูต้นทางของเรื่องนี้ มาจากกรณีที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมการปก ครอง จับบาร์เบียร์ชื่อ คอบร้า เบียร์ บาร์ ในพัทยา ช่วงเดือนก.ย.2565 ขณะนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ร่วมแถลงข่าว ระบุว่า ตำรวจช่วยเหลือเยาวชน ที่มาทำงานในร้านได้ 10 คน โดยในจำนวนนี้ 6 คน ถูกบังคับค้าประเวณี และยังจับผู้ใช้บริการชาวต่างชาติได้ 2 คน

ส่วนเจ้าของร้าน มีหญิงไทย 1 คน และสามีชาวเยอรมัน ถูกดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ และผู้ต้องหาเจ้าของร้านได้รับการประกันตัว และคาดว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศระหว่างนั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)

ห่วงกระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยวพัทยา

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และน.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่า ยังไม่ทราบว่ามีการเผยแพร่สารคดีลักษณะนี้ในต่างประเทศ จึงต้องขอตรวจสอบแหล่งที่มา และคดีนี้ให้แน่ชัดก่อน

ส่วนนาง ลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน เมืองพัทยา ยอมรับว่า เรื่องนี้กระทบต่อภาพลักษณ์ของเมืองพัทยา แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมาเป็นปี ปัจจุบันสมาคมฯ ลงพื้นที่คุยกับเจ้าของกิจการบาร์เบียร์ และสถานบันเทิง โซน จอมเทียน นาเกลือ บัวขาว วอคกิ้งสตรีท เพื่อให้ปฎิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน เมืองพัทยา

รวมถึงตรวจสอบประวัติพนักงานบริการ อายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงาน เพื่อไม่ให้เข้าข่ายการค้ามนุษย์ เนื่องจากเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว และมีอัตราโทษสูง

นักท่องเที่ยวคนที่ถูกจับ จ่ายเงินให้คนๆหนึ่ง เพื่อเคลียร์ให้ตัวเองออกนอกประเทศ ในมุมของเราคงทำอะไรไม่ได้ แต่คิดว่าภาพลักษณ์การท่องเที่ยวพัทยาเสียหาย และต้องรณรงค์ห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ปีมาทำงาน คิดว่าปัญหาตรงนี้มันจะไม่มี

Sex worke รายได้ดีวันละ 1,000 บาท 

ก่อนหน้าที่ ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้ลงพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้พูดคุยกับ Sex worker ถึงความเสี่ยงและรายได้ พวกเธอเล่าว่า “ดื่ม” จากลูกค้า คือ รายได้ขั้นต่ำวันละ 500 ถึง 1,000 บาทแต่อาชีพนี้ต้องบริการลูกค้าให้พึงพอใจ หากอยากได้เงินมากกว่านั้น พวกเธอต้องออกไปต่อกับลูกค้า

บางร้านพนักงานบอกว่า ถูกบีบบังคับให้ทำยอด ต้องไปลูกค้าชาวต่างชาติ 20 ครั้งต่อเดือน เพราะร้านจะได้ค่า “บาร์ฟลาย์” หรือ ค่าตัวจากลูกค้าครั้งละ 2,500 บาท ไม่รวมค่าตัว 3,000-4,000 บาท ต่อครั้ง

ทำให้พนักงานบางคนอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ได้อยากค้าบริการทางเพศเต็มรูปแบบ และหนักเกินไป แต่ก็ไม่สามารถต่อรองได้ เพราะเป็นอีก 1 อาชีพที่ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง

จากการสำรวจสถิติ ในธุรกิจสีเทาของโลก พบว่าในปี 2558 มีจำนวนผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการให้บริการทางเพศทั่วโลกประมาณ 13.8 ล้านคนและไทย มีผู้ให้บริการประมาณ 250,000 คน หรือเป็นอันดับ 8 ของโลกผลการสำรวจยังชี้ว่าอุตสาหกรรมทางเพศในประเทศไทยสร้างรายได้ประมาณ 6.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยในไทยยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย