คำสั่งย้ายฟ้าผ่า ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลัง พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำทีมพนักงานสอบสวนเข้าตรวจค้น บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ในช่วงค่ำวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเข้าตรวจค้นและมีการร่วมแถลงข่าวในจุดเกิดเหตุ ต่อมากลางดึกวันเดียวกัน มีกระแสข่าวสะพัดไปทั่วทั้งกรมฯ ว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้รับใบสั่งให้ย้าย พ.ต.ต.สุริยา พ้นตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ โดยจะนำรายชื่อเสนอ ครม.ให้พิจารณาทันที
พนักงานสอบสวนเข้าตรวจค้น บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
ก่อน ครม.จะพิจารณารายชื่อออกมา ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะตัวบุคคลที่ถูกโยกย้าย ต่างรู้กันล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการสลับให้ พ.ต.ต.สุริยา นั่งตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม แทน "พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล"
แม้ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่า "พ.ต.ท.ประวุธ" อาจจะได้รับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ เนื่องจากเป็น "น้องรัก" คนหนึ่งของ พ.ต.อ.ทวี แต่สุดท้ายโผพลิก โยกมาเป็นอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
พ.ต.อ.ทวี ไม่ให้สัมภาษณ์ แต่ออกใบแถลงข่าวชี้แจงว่า คำสั่งย้าย พ.ต.อ.สุริยา เพราะตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมว่าง เนื่องจาก พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์ อธิบดีกรมพินิจฯ ย้ายไปเป็นเลขาธิการฯ ศอ.บต. ทำให้ตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจฯ ว่าง
พ.ต.อ.ทวี ยังระบุคุณสมบัติของ พ.ต.ต.สุริยา ว่าเคยผ่านการบริหารและดำรงตำแหน่งสำคัญในกระทรวงทั้ง อธิบดีดีเอสไอ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ป.ป.ส. และ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะการยกระดับหลักนิติธรรมของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในกระบวนการยุติธรรม
...ไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือมีอคติใดๆ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่สังคมสนใจ คือ คดีหมูเถื่อน ดีเอสไอจะดำเนินคดีดังกล่าว ตรงไปตรงมาให้ถึงที่สุด และครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ... ถ้อยคำทิ้งท้ายของ พ.ต.อ.ทวี จากข่าวแจกของกระทรวงยุติธรรม
มีข้อน่าสังเกตว่า ก่อนหน้าจะมีคำสั่งถูกเด้ง "พ.ต.ต. สุริยา" ได้พยายามประคองตัวจากการทำคดีดังกล่าวมาตลอด จนกระทั่งถูก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกไปตำหนิเรื่องการทำงานล่าช้าจึงเร่งเครื่องทำคดีหมูเถื่อน หุ้นมอร์ และหุ้นสตาร์ค ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย ด้วยการลงพื้นที่กับพนักงานสอบสวนในทุกจุดที่มีหมายค้น
ปฎิเสธไม่ได้ว่า พ.ต.ต.สุริยา เป็นอธิบดีดีเอสไอ ในยุค "สมศักดิ์ เทพสุทิน" เป็น รมว.ยุติธรรม จึงถูกมองว่า อยู่ในสังกัด "สมศักดิ์" แต่วิถีข้าราชการคือ จำต้องเข้าให้ได้กับทุกฝ่ายการเมือง
โดยเมื่อครั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ "พ.ต.ต.สุริยา" เป็นรองอธิบดีดีเอสไอ เคยถูกจับจ้องว่าเทใจให้สายเสื้อเหลือง โดยเฉพาะ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ และ แทน เทือกสุบรรณ "ลูกชายซึ่งมีคดีบุกรุกป่าเขาแพง จ.สุราษฎร์ธานี และต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกฟ้องในคดีดังกล่าว
และการโยกย้ายครั้งนี้ จึงไม่มีอะไรมากไปกว่า การสร้างคอนเทนต์การเมือง เพราะอีกฝ่ายต้องการล้างบางขั้วอำนาจเก่า และตั้งบุคคลที่ตนเองไว้ใจมาใช้งาน ลำพังการลุยจับหมูเถื่อนของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ แม้จะเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ต้องย้ายหัวให้พ้นออกไปก่อน
แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าตัวปัญหาหลัก คือ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง, เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ในระดับสูงและระดับฝ่ายปฏิบัติการยังไม่มีใครถูกสั่งย้าย
ยกเว้นล็อตแรกที่มีชื่อเข้าไปพัวพันในคดีที่ดีเอสไอ ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ไปแล้ว
จึงมีคำถามว่า หลัง พ.ต.ต.สุริยา พ้นดีเอสไอไปแล้ว คดีที่เป็นเผือกร้อนทั้งหมดจะถูกแช่แข็งตามใบสั่งจากฝ่ายการเมืองหรือไม่ และหัวหน้าพนักงานสอบสวนในแต่ละชุดที่ได้รับมอบหมายให้ทำคดี จะเดินหน้า หรือถอยหลัง หรือปล่อยเกียร์ว่าง
"คดีหมูเถื่อน เรายังต้องทำต่อเพราะสังคมให้ความสนใจ แม้คำสั่งเมื่อวานจะทำช็อกไปชั่วขณะ แต่หลังจาก รมว.ยุติธรรม มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ได้มีการพูดคุยกันแล้ว เปิดไฟเขียวให้ลุยคดีต่อ เพราะ พ.ต.ท.ยุทธนา เป็นหัวหน้าทีมในการคดีหมูเถื่อน 161 ตู้นี้ด้วย" แหล่งข่าวชุดพนักงานสอบสวนระบุ
พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ
พ.ต.ต.ยุทธนา เป็นรองอธิบดีดีเอสไอที่มีอาวุโสลำดับ 1 (ระดับ 9) ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งให้รักษาการฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดีดีเอสไอ มีอำนาจในการบริหารงบประมาณและกำลังพลของดีเอสไอไม่ต่างจากอธิบดี
ทันทีที่คำสั่งเด้ง พ.ต.ต.สุริยา ออกมา "พ.ต.ต.ยุทธนา" ถูกจับตามองว่าเป็นตัวเต็งที่จะได้รับการโปรโมทให้เป็น อธิบดีดีเอสไอคนต่อไป หากมีการเปิดสอบเพื่อให้ขยับขึ้นในระดับ 10 เพราะนอกจากจะเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ นรต.รุ่น 49 โอนย้ายจากกองปราบปรามพร้อมกับ พ.ต.อ.ทวี นรต.รุ่น 37 ในยุคก่อตั้งดีเอสไอ ไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ประวุธ แล้ว
ช่วงจังหวะหนึ่งของเส้นทางการรับราชการ พ.ต.ต. ยุทธนา ยังเคยเป็น ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปพ.จชต) และเป็นมือขวาคนหนึ่งของ พ.ต.อ.ทวี ในสมัยเป็นรองอธิบดีดีเอสไอ และอธิบดีดีเอสไออีกด้วย
"หากได้ พ.ต.ต.ยุทธนา มาเป็นอธิบดีดีเอสไอ ก็ยังดี เพราะถือว่าเป็นคนใน ดีกว่าที่จะให้คนจากภายนอกเข้ามา" แหล่งข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุ
ต้องไม่ลืมว่า พรรคประชาชาติ ซึ่ง "พ.ต.อ.ทวี" เป็นหัวหน้าพรรคและ รมว.ยุติธรรม ต่างรับรู้กันในพรรคเพื่อไทยว่า คือ พรรคสาขาที่ตั้งขึ้นมาโกยคะแนนนิยมจากจังหวัดภาคใต้
พ.ต.อ.ทวี จึงไม่ขัดข้องหาก "น้องรัก" จะก้าวขึ้นมาในตำแหน่งนี้ ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา ก็ความสัมพันธ์และมี "คอนเน็กชัน" ที่ดีกับ "พิชิต ชื่นบาน" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังเคยเป็นพนักงานสอบสวนในคดีสำคัญหลายคดี โดยเฉพาะคดีการเสียชีวิตคนเสื้อแดงวัดปทุมวนาราม 99 ศพ
ยุคใบไม้เปลี่ยนสี แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังคงคนเดิม พ.ต.ต.ยุทธนา ได้ทำคดีทุจริตสำคัญๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคดีโกงหุ้น STARK หมื่นล้านบาท, คดีปั่นหุ้นมอร์ (MORE) และ คดีหมูเถื่อน 161 ตู้
สังคมจึงต้องจับตาว่า การเมืองในยุคพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดีเอสไอในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ทำคดีต้อง "ลูบหน้า ปะจมูก" กับคอนเน็กชันในแต่กลุ่มพรรคการเมือง และกลุ่มนายทุนการเมือง
ล้วนมีใบสั่งและค่าวิ่งเต้นเป็นค่าแลกเปลี่ยน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ โดยชาวบ้านที่เป็นทุนรายย่อย ทำได้เพียงนั่งมองตาปริบๆ มองวงจรลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน เท่านั้น