วันนี้ (9 พ.ย.2566) นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีรถบรรทุก ตกถนนบริเวณฝาท่ออุโมงค์สายไฟฟ้าและสายสัญญาณน้ำ บริเวณซอยสุขุมวิท 64 /1 คาดว่าเป็นผลมาจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งบริเวณหน้ารถมีสติกเกอร์รูปดาวสีเขียวติดอยู่ว่า รถดังกล่าวเป็นรถที่จ่ายส่วย เพื่อวิ่งนอกเวลาและบรรทุกน้ำหนักเกินแน่นอน
ซึ่งจะต้องจ่ายให้กับหลายหน่วยงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรถของตนเอง เพราะไม่เช่นนั้นในกรุงเทพมหานคร มีสี่แยกจำนวนมาก จะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ หากไม่มีสติกเกอร์จะถูกเรียกจอดเพื่อตรวจสอบทุกจุด
จะสังเกตว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อก่อนเกิดเหตุลักษณะเดียวกันที่บริเวณราชปรารภ ซึ่งสังเกตว่า น่าจะเป็นรถบรรทุกคันเดียวกัน และเหตุการณ์เมื่อวาน ผมยังสงสัยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยและอุบัติภัย จึงไม่เข้าไปดำเนินการ แต่ให้เจ้าของรถเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยอ้างว่า รถมีมูลค่าหลายล้านบาท ทั้งที่ถนนที่รถบรรทุกทำพังมีมูลค่าหลายล้านบาท การที่ผู้ประกอบการทำแบบนี้ถือว่าเห็นแก่ตัวเกินไป ถ้ารถไม่ติดชะงักอยู่ในที่เกิดเหตุแล้วมีรถตามหลังมาตกลงไปในท่อดังกล่าว ที่มีความลึกถึง 7 เมตร ความสูญเสียจะมากขนาดไหน
นายอภิชาติกล่าวว่า สติกเกอร์รูปดาวสีเขียว ที่มีอักษรตัวบีติดอยู่ จะเป็นสติกเกอร์สำหรับรถบรรทุกขนวัสดุขนดินในไซด์งานก่อสร้างเข้า-ออก พื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งในไซด์งานก่อสร้าง จะไม่มีตาชั่งน้ำหนักสำหรับรถบรรทุก
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร น้ำหนักก็เกินกฎหมายกำหนด ในขณะที่พื้นที่ทางหลวงจะมีด่านช่างเพื่อตรวจสอบน้ำหนักเมื่อวานนี้ ตนได้พูดคุยกับนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าจะนำรถบรรทุกไปชั่งน้ำหนักที่ใด
ตนจึงบอกว่าสามารถชั่งได้ก่อนขึ้นทางด่วน จะมีด่านชั่งน้ำหนักหากเกินจะไม่สามารถขึ้นทางด่วนได้ สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือ สะพานข้ามแม่น้ำในพื้นที่กทม. ไม่มีด่านช่างน้ำหนัก หากเกิดการชำรุดหรือเสียหายขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมากจึงอยากวิงวอนไปถึงประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกับรถบรรทุกขอให้ระมัดระวัง เพราะทักษะของผู้ขับขี่แต่ละคนไม่เท่ากัน
พร้อมกันนี้ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยังระบุว่า สำหรับส่วยสติกเกอร์รูปดาวที่เกิดเหตุนี้ จะต้องจ่ายให้กับหน่วยงานหลายแห่ง ทั้งสถานีตำรวจเจ้าของพื้นที่ที่รถต้องขับผ่าน กทม. เจ้าของพื้นที่ แต่ตนไม่สามารถฟันธงได้ว่า เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กทม. ไม่สามารถเข้าไปเคลียร์กับเจ้าของรถบรรทุกได้ เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์หรือไม่
แต่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. พรรคก้าวไกล ก็คาดว่าเป็นเช่นนั้น แต่ตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุจึงไม่สามารถพูดได้ และไม่รู้ว่าเจ้าของรถบรรทุกจ่ายส่วยให้ใครเคลียร์กับใครใน ราคาเท่าไหร่ ซึ่งแตกต่างจากครั้งที่แล้วที่มีข้อมูลทุกอย่างครบถ้วน ส่วนสติดเกอร์ “เสี่ยบิ๊ก” ที่ติดอยู่บนรถบรรทุกคันเกิดเหตุเป็นใครนั้นตนไม่รู้จักมาก่อน
ผมขอเรียนว่า การประกอบอาชีพรถบรรทุก ถ้าจะยืนอยู่บนการทำผิดกฎหมาย ผมขอให้เลิกทำไปเถอะครับ เพราะท่านรู้มั้ยว่า ชีวิตของคนที่ร่วมใช้ถนนกับท่าน ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องมาเสียหายหรือเสียชีวิตมันไม่สมควร การประกอบอาชีพสุจริตภายใต้กฎหมายก็สามารถอยู่ได้ ทำไมพวกผมอยู่ได้
ส่วนผู้ที่จะต้องออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ กทม. ตำรวจ สิ่งแวดล้อม ตำรวจจราจรกลาง
นายอภิชาตกล่าวต่อว่า ในจุดเกิดเหตุมีหลักฐานที่เป็นภาพนิ่งและวิดิโอต่าง ๆ ที่บันทึกไว้แล้ว เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ผู้ใหญ่จะต้องลงมาตรวจสอบ ว่าเหตุใดถึงมีการทำลายหลักฐาน ไม่ใช่ผู้เจ้าของรถบรรทุกมาอ้างว่า รถราคา 4-5 ล้านบาท แต่ขณะที่ความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้รถติดนาน 17-18 ชั่วโมง และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะรู้ว่า เจ้าของรถดังกล่าวเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่ เพราะหากคนเรากล้าทำผิดกฎหมาย ก็ถือว่าพอสมควร
เมื่อถามว่ารถบรรทุกเป็นบริษัทเดียวกับกรณีที่เคยเกิดเหตุที่แยกมักกะสัน และมาเกิดเหตุซ้ำหรือไม่ นายอภิชาติ กล่าวว่า รถสีเดียวกัน แต่รถคันแรกที่มักกะสัน ทำไมตรวจจับไม่ได้ โดยเปรียบเทียบว่า รถจักรยานยนต์ที่ใส่หมวกกันน็อคปล้นทองยังจับได้เลย แล้วนี่รถคันเบ้อเร่อทำไมถึงจับไม่ได้ และชี้ว่า นี่คือสาเหตุที่เรียกว่ากินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะในกรุงเทพฯ ยังกล้ากระทำผิดแล้ว ในต่างจังหวัดจะรุนแรงขนาดไหน
ฝากไปยังผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงาน เรื่องนี้จะต้องแก้ไข และรีบดำเนินการ เพราะว่าในขณะนี้ตนในฐานะคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องส่วย เรื่องนี้หากมีอะไรก็จะรายงานต่อประธานกรรมาธิการคมนาคม
ผบช.น.สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขณะที่ วันเดียวกัน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รักษาราชการแทน ผบก.น.5 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี กรณีดังกล่าว โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ภพธร จิตติ์หมั่น รองผบก.น.5 เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พ.ต.อ.สุนทร ไชยรักษา ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.น.5 เป็นคณะกรรมการ พ.ต.ท.กฤษณะ จันทร์ประเสริฐ รองผกก.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร เป็นคณะกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดำเนินการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง มาเพื่อดำเนินการต่อไป