ยังจับไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" หรือ เชาวลิต ทองด้วง แต่ยังรวมถึงลูกน้อง 2 คน คือ "เฉลิมพงษ์" และ "จักรี" ที่ร่วมวางแผนและขับรถพาเสี่ยแป้ง แหกหักออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชในช่วงกลางดึกวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา
มีการวิเคราะห์แผนหลบหนีของ "เสี่ยแป้ง" ว่า น่าจะมีการวางแผนมานานแล้ว และรอจังหวะในช่วงการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ต.ค. โดย "เสี่ยแป้ง" ก็ใช้วิธีสะเดาะกุญแจ แต่ไม่สบโอกาสจึงวางแผนให้ผู้คุมคลายล็อกตรวน โดยอ้างว่ารัดแน่น อาจทำให้เกิดบาดแผล
พบรถกระบะต้องสงสัยพา “เสี่ยแป้ง” หลบหนีที่ จ.พัทลุง
จากนั้นวางแผนและติดสินบนให้ผู้เฝ้าไข้ คือ น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ไหม ออกไปซื้อโทรศัพท์มือถือให้ 2 เครื่อง พร้อมข้อเสนอจ่ายให้ 100,000 บาท พร้อมให้บ้านที่ จ.ภูเก็ต 1 หลัง ก่อนจะให้ลูกน้องคนสนิทปะปนกับญาติผู้ป่วย ก่อนสบช่องนำ "เสี่ยแป้ง" ลงลิฟท์โรงพยาบาลและนั่งรถกระบะหนีไป
มีคำถามว่า เสี่ยแป้ง เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ก่อคดีมาหลายครั้ง เหตุใดมาตรการควบคุมผู้ต้องหาของกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงหละหลวม ปล่อยให้ผู้ต้องหาลอยนวลไปได้อย่างไร และใครอยู่เบื้องหลังการวางแผนทั้งหมด

"เสี่ยแป้ง นาโหนด"ผู้ต้องหาแหกหัก รพ.
เสี่ยแป้ง วัย 37 ปี เป็นชาว ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง อาชีพเดิมเปิดอู่ซ่อมรถ เมื่อปี พ.ศ.2562 เคยเล่นการเมืองท้องถิ่น ลงสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง (ส.อบจ.) แต่ไม่ได้รับเลือก
และเคยต้องโทษหลายคดี ตั้งแต่ปี 2552-2562 ส่วนใหญ่เกิดในท้องที่ จ.พัทลุง เช่น คดีบุกรุกในยามวิกาล, พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ , คดีฆ่าผู้อื่น , คดีพยายามฆ่าผู้อื่น , คดีพยายามฆ่าตำรวจ และตำรวจทางหลวง
สำหรับการต้องราชทัณฑ์ใชครั้งนี้ ในคดีความผิดคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พ.ร.บ.อาวุธปืน กำหนดโทษรวม 21 ปี 3 เดือน 25 วัน มีกำหนดพ้นโทษ วันที่ 6 พ.ค.2586 ถูกย้ายพฤติการณ์จากเรือนจำกลางพัทลุง มายังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2566 เนื่องจากพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพล

วางแผนสะเดาะกุญแจ
เสี่ยแป้งถือเป็นผู้มีอิทธิพลและกว้างขวางในพื้นที่ แม้จะมีประวัติพัวพันคดีร้ายแรง ทั้งคดีบงการ และคดีฆ่า อย่างไรก็ตาม หากไล่ตามไทม์ไลน์จนนำไปสู่การก่อเหตุสะเดาะกุญแจ ตามข้อมูลจากราชทัณฑ์ ระบุว่า
- วันที่ 19 ต.ค. มีอดีตนักการเมืองจากพัทลุง และตำรวจ เดินทางไปเยี่ยม "เสี่ยแป้ง" ที่เรือนจำ
- วันที่ 20 ต.ค. "เสี่ยแป้ง" เข้ารักษาด้านทันตกรรมตามแพทย์นัด แต่เมื่อไปถึงแพทย์แจ้งเลื่อนนัด
- วันที่ 20 ต.ค. "เสี่ยแป้ง" ได้ถูกส่งออกไปรักษาทางทันตกรรม ณ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช แต่กลับมีอาการวูบหมดสติและขาอ่อนแรง แพทย์จึงอนุญาตให้แอดมิทที่โรงพยาบาล
- วันที่ 21 ต.ค. "เสี่ยแป้ง" นอนรักษาตัวที่ตึกอายุรกรรมชั้น 6 รพ.มหาราช โดยมีกำหนดการเตรียมส่งตัวกลับเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชในช่วงเช้า 22 ต.ค.
- วันที่ 22 ต.ค. ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน "เสี่ยแป้ง" ก่อเหตุใช้กุญแจสะเดาะตรวน และได้ลงลิฟท์จากชั้น 6 โดยมี "บอย" ลูกน้องรอรับ โดย "เสี่ยแป้ง" ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ-กางเกงรัดรูป ไม่มีเครื่องพันธนาการ และไม่ปกปิดใบหน้า

ขบวนการพานักโทษหลบหนี
มีคำถามกึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ซึ่งแจ้งตำรวจหลังเกิดเหตุผู้ต้องขังหลบหนีไปแล้วถึง 3 ชั่วโมง ล่าสุดพบว่าทีมผู้คุมนักโทษ ไม่ได้มีแค่ 3 แต่มีถึง 6 คน ลูกน้องบางคน อ้างว่า หัวหน้าชุดเป็นคนสั่งให้ลูกน้องทั้ง 5 คน อยู่เวรกลางคืน และ หัวหน้าชุดเป็นคนเดียวที่อยู่เวรกลางวัน และเป็นบุคคลที่เปลี่ยนตรวนให้ "เสี่ยแป้ง"
นอกจากนี้ ยังมีตัวละครที่อยู่เบื้องหลังการหลบหนี โดย น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ไหม อ้างว่า รับจ้างเฝ้าไข้ "เสี่ยแป้ง" คืนละ 500 บาท โดยหมวยเป็นคนติดต่อให้เฝ้าไข้เสี่ยแป้ง และโอนเงินค่าจ้างให้
ต่อมาเสี่ยแป้งติดสินบนไหมโดยเสนอค่าจ้างและบ้านใน จ.ภูเก็ต ให้ 1 หลังและให้ "บอย" ลูกน้องเสี่ยแป้งปะปนมากับญาติคนผู้ป่วยรายอื่นๆ และซุกซ่อนปืนและคีมมาให้เสี่ยแป้งเพื่อใช้ตัดตรวนที่ข้อเท้า โดยใช้ผ้าห่มคลุมเอาไว้ แต่ครั้งนั้นทำไม่สำเร็จ
"ไหม" อ้างว่าวันถัดมา (21 ต.ค.) "เสี่ยแป้ง" สั่งให้ผู้คุม ซึ่งเป็นผู้คุมในผัดกลางวัน นำเครื่องพันธนาการมาเปลี่ยน และใส่แบบหลวมๆ เพื่อให้สะดวกต่อการเอาออก
ต่อมาในช่วงดึก "บอย" ซึ่งเป็นลูกน้องปะปนกับญาติคนไข้ เป็นคนไปเอากุญแจจาก "นายบิ๊ก" ลูกน้องอีกคนมาให้ "เสี่ยแป้ง" จากนั้น "เสี่ยแป้ง" ใช้ผ้าห่มคลุมไว้ และใช้กุญแจปลดเครื่องพันธนาการจนสำเร็จ ต่อมา "เสี่ยแป้ง" เปลี่ยนชุดใส่เสื้อแขนยาวสีดำ-กางเกงรัดรูป ไม่มีเครื่องพันธนาการแล้ว และไม่ได้ปกปิดใบหน้า ลงลิฟท์จากชั้น 6 โดยมีนายบอย มารอรับ
ทั้ง 4 คนที่ให้การช่วยเหลือและถูกออกหมายจับไปแล้ว เป็นกลุ่มลูกน้องคนสนิท หรือผู้ใกล้ชิด "เสี่ยแป้ง" ประกอบไปด้วย
- นาวจีรวุฒิ หรือ บอย เป็นคนเข้าไปเยี่ยมไข้ โดยทำที ปะปนไปกับญาติคนไข้คนอื่นๆ
- นายจักรี หรือ บิ๊ก เป็นคนจัดหา นำอาวุธปืน และกุญแจ ไปส่งให้นายบอยเพื่อนำไปให้ "เสี่ยแป้ง"
- นางยุวเรศ หรือ หมวย ภรรยาของนายบิ๊ก เป็นคนประสานงาน และจ่ายเงินค่าเฝ้าไข้ ให้ "ไหม"
- น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ไหม คือ ผู้รับจ้างเฝ้าไข้
"ไหม" บอกว่า เสี่ยแป้งจ้างให้ไหมไปซื้อโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และให้จำหน่ายมือถือโอนข้อมูลในมือถือคาดว่าจะเป็นของเสี่ยแป้งไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ จากนั้นจึงติดต่อกับลูกน้องของเสี่ยแป้ง จนนำไปสู่การแหกหักออกโรงพยาบาล
"ไหม" ยอมรับว่า ได้รับค่าจ้าง 2,000 บาท โดย "หมวย" ภรรยาของ "นายบิ๊ก" ลูกน้องเสี่ยแป้ง เป็นคนโอนให้ ซึ่งช่วงที่ "เสี่ยแป้ง" หลบหนีนั้น "ไหม" บอกว่า รู้สึกตกใจ และนั่งอยู่ที่เตียงคนไข้ชั้นบน จนกระทั่งตำรวจเข้ามาพบ

เส้นทาง "เสี่ยแป้ง" หลบหนี
จากกล้องวงจรปิดพบว่า เมื่อ "เสี่ยแป้ง" ออกจากโรงพยาบาลแล้ว มีนายบอย มารอรับ และพาเสี่ยแป้งขึ้นรถยนต์กระบะ สีขาว ออกไป ซึ่งตรวจสอบแล้ว เป็นรถของแม่บอย
โดยรถต้องสงสัย 3 คัน ขับฝ่าไฟแดงบริเวณสี่แยกหัวถนน มุ่งหน้า ขับหลบหนีมุ่งไปทาง จ.ตรัง-พัทลุง
- คันที่ 1 รถเก๋งสีดำ
- คันที่ 2 เป็นรถกระบะสีขาวของแม่ "บอย" และคาดว่า "เสี่ยแป้ง" จะนั่งอยู่ในรถคันนี้
- คันที่ 3 รถกระบะสีขาว ขับตามหลัง
ล่าสุดทางการข่าวตำรวจแกะรอยสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ "เสี่ยแป้ง" พบสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่ภูเขารอบต่อระหว่าง จ.พัทลุง และ สตูล ท่ามกลางกระแสข่าวการหลบหนีออกนอกประเทศ
มีข้อมูลทางการข่าวระบุว่า ขณะนี้ทางกระทรวงยุติธรรมได้ประสานเป็นภายในกับทางการเมียนมาแล้ว ในกรณีที่พบว่าเสียแป้งและลูกน้องเข้าไปกบดานอยู่ในเมียนมาจะส่งตัวกลับทันที แต่หากยังหลบหนีอยู่ในเขตไทยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องตามให้พบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เร่งตามตัว "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ตร.เชื่อยังกบดานพื้นที่ตรัง-สตูล
เปิดแผน "เสี่ยแป้ง นาโหนด" หลบหนี