วันนี้ (5 ต.ค.) พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หลังส่งทีม MCATT ลงพื้นที่ รร.ของผู้ก่อเหตุ พบว่า โรงเรียนมีความเข้าใจในสถานการณ์ ที่อาจเกิดผลกระทบเกี่ยวเนื่องมาจากเหตุความรุนแรงที่ พารากอน เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากวานนี้ (4 ต.ค.)เพจและเฟสบุ๊คของ รร. ถูกโจมตีโดยชาวโซเชียล ซึ่งจากการพูดคุยกับครู และนักเรียน ของโรงเรียนดังกล่าว ทุกคนต่างทราบถึงอาการป่วยของนักเรียนที่ก่อเหตุมาตลอด
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของเด็กผู้ก่อเหตุเมื่ออยู่ภายในโรงเรียน ไม่ได้มีพฤติกรรมก้าวร้าว ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากโรงเรียนได้ปิดเทอมไปแล้ว 1 สัปดาห์ จึงบอกไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และจากการพูดคุยกับเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นต่างก็ไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
สำรวจพฤติกรรมคนใกล้ตัวก่อนก่อเหตุรุนแรง
พญ.วิมลรัตน์ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับครูและผู้ปกครองได้ข้อคิดเห็นตรงกันว่า ทำอย่างไรจึงจะสำรวจหรือ เฝ้าระวังคนใกล้ตัวที่อาจจะมีพฤติกรรมรุนแรง หรือมีสัญญาณเตือนล่วงหน้าก่อนหรือไม่ เพื่อความปลอด ภัยของทุกคน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า รูปแบบการเรียนการสอนของโรงเรียนนี้ ไม่แตกต่าง จากโรงเรียนอื่น หรือ ส่อทำให้เด็กมีความเครียด เนื่องจากเด็กยังอยู่ในระดับชั้นมัธยมต้น ไม่ใช่เด็กวัยที่ต้องสอบแข่งขัน
สัญญาณล่วงหน้า เรื่องความรุนแรง มักมีเสมอ ไม่ว่าจะรุนแรงต่อตนเอง และคนอื่น เพียงแต่จะออกมาในรูปแบบใด เช่น จากการพูดคุย
หลากปัจจัยเด็กซึมซับความรุนแรง
พญ.วิมลรัตน์ ยังกล่าวถึงการซึมซับพฤติกรรมความรุนแรงในวัยเด็กว่า มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และต้องสะสมเป็นเวลานาน โดยปัจจัยก่อพฤติกรรมของมนุษย์ เกิดขึ้นทั้งจากในโรงเรียน,การรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่าง ผ่านโซเชียลมีเดีย และครอบครัว เด็กอยู่ใกล้สิ่งไหนและใช้เวลาอยู่กับสิ่งใดมากกว่า ก็จะซึมซับกับสิ่งนั้นฉะนั้นทุกฝ่ายต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี โรงเรียนต้องดูแลเด็กให้ดี ,สื่อ ต้องมีเนื้อหาที่สร้างสรรค์ รื่นรมย์ ,ครอบครัวต้องเข้าใจและมีเมตตากับเด็ก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับคนขายปืนให้เด็ก 14 ปี ได้แล้ว 2 คน เร่งตามตัวอีก 1