เป็นปฏิบัติการระหว่างตำรวจกับตำรวจด้วยกัน ตั้งแต่การเข้าตรวจค้นบ้านที่พักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 2 รองจาก พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ และเป็น 1 ใน 4 แคนดิเดต ผบ.ตร.
การระดมตำรวจคอมมานโดชุดใหญ่พร้อมอาวุธครบมือในสภาพเตรียมพร้อม ขณะพร้อมเข้าตรวจค้นบ้านที่พัก ราวกับจะเข้าจู่โจมผู้ก่อการร้ายระดับพระกาฬ ทั้ง ๆ ที่แค่ออกหมายเรียก หรือให้ผบ.ตร.โทรแจ้งก็สิ้นเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเกณฑ์กำลังพลยกมาขนาดนี้ กระทั่งนักวิชาการอย่าง ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงกับโพสต์ตั้งคำถามว่า ขนาดรอง ผบ.ตร.ยังขนาดนี้ แล้วกับประชาชนทั่วไปจะเป็นอย่างไร
ตำรวจ บช.สอท.บุกค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในซอยวิภาวดี 60 ต้งแต่เช้าตรู่วันที่ 25 ก.ย.2566
หลังผู้ถูกตรวจค้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตั้งปุจฉาถึงความปกติสำหรับการขอศาลออกหมายค้นว่าเป็นลักษณะให้ข้อมูลเท็จกับศาลหรือไม่ เพราะไม่มีระบุชื่อเจ้าของบ้านที่จะถูกตรวจค้น และยังไม่ทันได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญาด้วยซ้ำ
ปรากฎมีการเปิดเผยข้อมูลจากอีกฝ่ายละเอียดยิบ เรื่องเส้นทางการเงินของทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทั้งจากกลุ่มเว็บพนันออนไลน์เน็ตไอดอลชื่อดัง ที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาล รวมถึงเส้นทางการเงินผ่านบัญชีม้าและบัญชีส่วนตัวนายตำรวจหลายคน โอนเงินไปมา พบหลักฐานเชื่อมโยงถึงการนำเงินไปจ่าย “ค่ารักษาพยาบาลมารดาบิ๊กโจ๊ก” และยังมีโอนเข้าบัญชีแม่และน้องชายรอง ผบ.ตร.คนดัง พร้อมระบุตัวเลขวงเงินอย่างชัดเจน
ข้อมูลดังกล่าวเหล่านี้ ย่อมเป็นข้อมูลที่มาจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ชุดที่ทำคดีพนันออนไลน์ชื่อดังอย่างปฏิเสธไม่ได้ เป็นนัยเกทับอยู่ในทีว่ามีชุดข้อมูลเหล่านี้พร้อมสรรพอยู่ในมือ ทั้งที่ควรปรากฏอยู่ในสำนวนคดีมากกว่าจะถูกหยิบยกมาตอบโต้กันในชั้นนี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
ขณะที่ทาง “บ๊กโจ๊ก” เองก็ไม่ธรรมดา ลั่นคำผ่านรายการวิเคราะห์ข่าวชื่อดังทางทีวี ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนหลายวันที่ผ่านมา จะไม่เอาคืนใด ๆ แต่ตนมีข้อมูลลับที่เปิดเผยออกมาเมื่อไหร่ อาจส่งผลกระทบมากกว่านั้น ชนิดเปิดเมื่อไหร่ก็ตายกันทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เป็นนัยเกทับในทีเช่นกันว่า มีกุมข้อมูลความลับสำคัญอยู่ในมือไม่ต่างกัน เข้าทำนอง “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่”
นำไปสู่ความงุนงงสงสัยของผู้คนทั่วไปว่า เหตุใดไม่เปิดเผยเรื่องราวความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบไปเลย แทนที่จะอมพะนำไว้ หรือเพียงหวังเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองกัน หรือไม่
ยังไม่นับการไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเรื่องบ้านที่พักทั้ง 5 หลังดังกล่าวของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ บก.ปปป.เมื่อช่วงสายวันที่ 27 ก.ย.พร้อมประกาศมีเรื่องลับ “บิ๊กโจ๊ก” อีกมาก ที่เตรียมแฉ ถึงขั้นเปรียบเปรยเป็นเสมือน “สงครามครั้งสุดท้าย” ระหว่างตนกับรอง ผบ.ตร.ชื่อดัง
ส่งผลให้ความขัดแย้งครั้งนี้ส่อเค้าจะบานปลายกว่าที่คิด เว้นเสียแต่จะมีการเจรจาประสานประโยชน์กันลงตัว ซึ่งดูแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้น้อยมาก เพราะเล่นกันแรงชนิดบาดเจ็บสาหัสไปตามๆ กันขนาดนี้
เก้าอี้ใหญ่ ผบ.ตร.สำคัญและยิ่งใหญ่กว่าที่ผู้คนทั่ว ๆ ไปจะเข้าใจ หรือคาดคิดจริง ๆ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา