ไทยพีบีเอสออนไลน์รวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย กับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
1. นูซันตารา (Nusantara) เมืองหลวงใหม่ของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของ จ.กาลีมันตัน เกาะบอร์เนียว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจาการ์ตา เมืองหลวงเก่า ห่างกันประมาณ 2,000 กิโลเมตร
2. เมืองหลวงปัจจุบันที่ตั้งอยู่บนเกาะชวาหรือจาการ์ตา จะเป็นเมืองหลวงด้านการเงินและศูนย์กลางแห่งการค้า ขณะที่เมืองหลวงใหม่จะเป็นศูนย์กลางแห่งการบริหารประเทศของอินโดนีเซีย
3. "นูซันตารา" แปลว่า "หมู่เกาะ" ในภาษาชวา ซึ่งเป็นชื่อที่ได้รับเลือกจากประธานาธิบดี โจโค วิโดโด จากรายชื่อเมืองใหม่กว่า 80 รายชื่อ เนื่องจากเป็นชื่อที่สะท้อนถึงภูมิศาสตร์ของอินโดนีเซียและมีความเป็นสากล
4. เมื่อเดือน ม.ค.2565 รัฐสภาอินโดนีเซียผ่านร่างกฎหมาย เปิดทางย้ายเมืองของอินโดนีเซีย จาก จาการ์ตา ไปยังป่าที่อยู่ใน จ.กาลีมันตัน ทางตะวันออกของเกาะบอร์เนียว ซึ่งได้รับการเสนอครั้งแรกเมื่อปี 2562 พร้อมประกาศชื่อเมืองหลวงใหม่ว่า "นูซันตารา"
5. "นูซันตารา" ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 562 ตารางกิโลเมตร ใน จ.กาลีมันตัน ตะวันออกบนเกาะกาลีมันตัน โครงการนี้ยังได้รับการจัดสรรที่ดินสำหรับขยายพื้นที่ในอนาคต รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 2,561 ตารางกิโลเมตร
6. เกาะบอร์เนียวเป็นเกาะที่แชร์พื้นที่กันระหว่าง 3 ประเทศ อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - บรูไน
8. "นูซันตารา" มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เหมาะสมตามข้อพิจารณาการเลือกเมืองหลวงของรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยตั้งอยู่ห่างจากแนวภูเขาไฟและบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลก ซึ่งปลอดภัยจากแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด
9. "นูซันตารา" ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 200 - 4,095 เมตร ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอนาคตจากสภาวะโลกร้อน
10. การย้ายเมืองหลวงครั้งนี้มีการประเมินมูลค่าโครงการทั้งหมดอาจสูงถึง 33,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท
11. นูซันตารา จะบริหารโดยสำนักงานเมืองหลวงแห่งชาติ โดยประธานาธิบดีแต่งตั้งผู้บริหารมาทำหน้าที่สมัยละ 5 ปี มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุม ยกเว้นการต่างประเทศ การป้องกันประเทศ ความมั่นคง งานยุติธรรม การเงิน การคลัง และศาสนา ซึ่งถือเป็นอำนาจของรัฐบาลอินโดนีเซีย (กรมเอเชียตะวันออก)
ภาพทำเนียบประธานาธิบดีในอนาคตของอินโดนีเซีย
12. นูซันตารา จะเป็นเขตปกครองพิเศษคล้ายกรุงจาการ์ตา ซึ่งจะปกครองโดยรัฐบาลพิเศษ และมีผู้บริหาร คือ "ผู้ว่าราชการจังหวัด" เทียบเท่าระดับ "รัฐมนตรี"
13. รัฐบาลอินโดนีเซีย ผลักดันให้เมืองนูซันตารา เป็นเมืองอัจฉริยะที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมทางด้านสุขภาพ สาธารณสุข และเทคโนโลยี ของภูมิภาค เป็นเมืองที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นสถานที่ ที่คนจากที่ต่าง ๆ ใกล้ชิดกัน
14. เมืองหลวงแห่งใหม่นี้ถูกออกแบบให้เหมาะกับการเดิน ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
15. บริษัทเอกชน "เออร์แบนพลัส (Urban+)" ถูกว่าจ้างให้ออกแบบสร้างเมืองหลวงใหม่ บนโจทย์ทำงานให้สอดคล้องกับสภาพของธรรมชาติที่เป็นอยู่ โดยไม่ต้องทำลายมัน สร้างเมืองที่มีความสมดุลกับธรรมชาติ
16. การสร้างศูนย์กลางการบริหาร ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว อาจใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี
แผนย้ายเมือง - ตั้งเป้าปล่อยคาร์บอน "เป็นศูนย์" ในปี 68
17. รัฐบาลอินโดนีเซียแบ่งการพัฒนาเมืองออกเป็น 5 ระยะ ระหว่างปี 2565 - 2588 ดังนี้
ระยะ 1 หลังจากที่กฎหมายผ่านแล้ว ระหว่างปี 2565 -2567 เป็นช่วงการก่อสร้างอาคารสถานที่และจัดทำแผนการย้ายส่วนราชการในภาพรวม
ระยะที่ 2 รัฐบาลอินโดนีเซียจะย้ายเจ้าหน้าที่ไปประจำที่ นูซันตารา ร้อยละ 20 ต่อปี โดยประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะย้ายที่ทำการไปยังเมืองหลวงแห่งใหม่ในปี 2567
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสภาที่ปรึกษาประชาชนจะเป็นหน่วยงานที่ต้องย้ายไปยัง นูซันตารา เป็นลำดับแรก
ระยะที่ 3 รัฐบาลจะพัฒนาเมือง สิ่งอำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภค
ระยะที่ 4 รัฐบาลอินโดนีเซียจะพัฒนาความเชื่อมโยง (connectivity) ระหว่างกรุงนูซันตารากับพื้นที่ในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายว่านูซันตาราจะเป็นแหล่งรองรับการลงทุน และดึงดูดบุคคลผู้มีทักษะและความสามารถจากนานาชาติ
ระยะสุดท้าย คือ การตั้งเป้าหมายให้ นูซันตาราเป็นเมืองแห่งแรกของโลกที่มีประชากรเกิน 1 ล้านคน ที่บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ได้ในปี 2588
เขื่อนที่กำลังก่อสร้างเพื่อจ่ายน้ำให้กับเมืองนูซันตารา เมืองหลวงของอินโดนีเซียในอนาคต
ทำไมต้องย้ายเมืองหลวง
18. โจโก วิโดโด ประกาศถึงความจำเป็นที่ต้องย้ายเมืองหลวงว่า "จาการ์ตา รับภาระหนักเกินไปแล้ว ทั้งในฐานะศูนย์กลางการปกครอง ธุรกิจ การเงิน การค้า และบริการ"
19. รัฐบาลประเมินโครงการก่อสร้างเมืองหลวงด้านการบริหารแห่งใหม่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี เนื่องจากกรุงจาการ์ตา ประสบปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และน้ำท่วมจากปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
20. ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กรุงจาการ์ตา มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน ในพื้นที่ 600 ตารางกิโลเมตร ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า พื้นที่ 1 ใน 3 ของเมืองหลวงอาจจมอยู่ใต้น้ำในปี 2050 หรืออีก 28 ปีข้างหน้า
21. อินโดนีเซียประกอบด้วยเกาะประมาณ 17,000 เกาะ แต่ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวน 270 ล้านคนอาศัยอยู่บนเกาะชวา ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดในโลก (dw)
22. โครงการเมกะโปรเจคบนเกาะกาลีมันตันเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิ่งแวดล้อม เนื่องกาลีมันตันเป็นแหล่งการทำเหมืองขนาดใหญ่ รวมถึงมีป่าฝน และการปลูกปาล์มน้ำมันได้คุกคามที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์ สอดคล้องกับ นักวิชาการและชนพื้นเมือง มองว่า การย้ายเมืองหลวงครั้งนี้อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมบนเกาะบอร์เนียว
23. กาลีมันตันเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งบนโลกที่มี "อุรังอุตัง" อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งองค์กรพิทักษ์สัตว์ ระบุว่า ที่มีมากกว่า 1,000 ตัวบนเกาะบอร์เนียว
24. ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูลนิธิ BOSF ซึ่งดูแลงานด้านการอนุรักษ์อุรังอุตังบนเกาะบอร์เนียว ระบุว่า การย้ายเมืองหลวงมายังพื้นที่ใกล้ผืนป่า หากวางแผนไม่ดี และขาดการมีส่วนรวมจากประชาชน เมืองหลวงใหม่ก็อาจกลายเป็น จาการ์ตา 2 ซึ่งอาจเป็นการทำผิดซ้ำ แค่ย้ายปัญหามาไว้ในที่ใหม่เท่านั้น
25. รัฐบาลอินโดนีเซียคาดการณ์ ในปี 2567 จะมีประชากรเข้ามาอาศัยในเมืองหลวงแห่งใหม่สูงถึง 60,000 คน และจะเพิ่มเป็น 2 ล้านคนภายในปี 2583 และเพิ่มเป็น 4 ล้านคนภายในปี 2603 (nikkei) อัปเดต (2 ส.ค.66)
26. อินโดนีเซียไม่ใช่ประเทศแรกที่มีการย้ายเมืองหลวง ก่อนหน้านี้ทั้งบราซิล ปากีสถาน และไนจีเรียก็เคยเปลี่ยนเมืองหลวง พร้อมวางแผนสร้างเมืองใหม่มาก่อน ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน ทั้งการประกาศเอกราช การสร้างเมืองที่เป็นกลาง หรือด้วยปัจจัยด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง
กาลีมันตัน กับความหลากหลายทางชีวภาพ
27. จ.กาลีมันตัน ครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ของเกาะบอร์เนียว เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
อินโดนีเซีย เป็นหมู่เกาะภูมิอากาศจึงมีลักษณะผสมผสานและเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิประเทศ โดยทั่วไปมีอากาศร้อนชื้นแบบศูนย์สูตรแบ่งเป็น 2 ฤดู คือ ฤดูแล้ง (พ.ค. - ต.ค.) และฤดูฝน (พ.ย. - เม.ย.) เป็นประเทศที่มีป่าไม้มากที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ
28. อินโดนีเซีย มีปริมาณถ่านหินสำรอง ที่คาดว่ามีมากถึง 58 พันล้านตัน และเป็นถ่านหินคุณภาพดี ซึ่งแหล่งถ่านหินใหญ่ ที่สุดอยู่ที่เกาะกาลีมันตัน
29. เกาะบอร์เนียว เป็นที่ตั้งของป่าแห่งสำคัญของโลก อุดมไปด้วยสัตว์ป่าและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย แม้รัฐบาลอินโดนีเซียจะให้คำมั่นว่า การสร้างเมืองหลวงใหม่ในครั้งนี้จะพยายามรักษาสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แต่นักอนุรักษ์ยังคงเกรงว่าโครงการ ดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบที่เสียหายร้ายแรงขึ้น
30. นอกเหนือจากจากอุรังอุตังแล้ว ป่าหนาทึบของกาลิมันตันยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่น่าทึ่งอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ลิงจมูกยาว หมี ลิงแสมหางยาว ปลาอะโรวานา นกเงือก กวางคันซิล หมูป่า (indonesia.travel)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง