แม้ “ธนกร วังบุญคงชนะ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะระบุว่า ไม่มีเงื่อนไขเรื่องการแบ่งโควตากระทรวง เหตุด้วยมี สส.เพียง 36 คน ขณะที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะโบกมือลาไปแล้วก็จริง
แต่ปฎิเสธไม่ได้ หาก รทสช.จะถูกมองว่า ยังมีร่มเงาของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ คอยให้ใบบัง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรคฯ และพรรคฯ อยู่ เพราะเพื่อไทยไม่ได้มีเป้าหมายแค่ 36 เสียง แต่ยังหวังเลยไปถึงเสียงของ สว.จำนวนหนึ่ง เพื่อปูทางให้แคนดิเดตของพรรคฯ เดินเข้าทำเนียบแบบไร้รอยต่อ
เช่นเดียวกับ 40 เสียงจากพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ปรับยุทธศาสตร์พร้อมรอรับทุกตำแหน่ง ไม่มีแถลงว่าจะร่วม แต่ส่ง “ไผ่ ลิกค์” รองหัวหน้าพรรคฯ มือขวา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคฯ มาไขข้อข้องใจพร้อมโหวตครบแน่นอน
ดังนั้นการที่เพื่อไทยจะเมินและหันหลังให้พรรค 2 ลุงจึงเป็นเรื่องยาก แม้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะโดนโซเชียล ติดแฮชแท็กถล่มยับเยินว่า “ชลน่าน ลาออกกี่โมง” แต่เดทล็อกที่เกิดขึ้นก็ทำให้เพื่อไทยไปไหนไม่ออก ต้องยอมกลืนน้ำลายลงคอต่อไป
พรรค 2 ลุงไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ยังมีโปรโมชันเสริมแถม สว.ให้อีกต่างหาก จึงไม่แปลกที่จะได้สิทธิเลือกโควตากระทรวงเกรดเอ บี ต่างจากการเมืองพรรคอื่นๆ ขณะที่ศึกแบ่งเค้กในพรรคฯ ตัวเองก็ยังไม่ลงตัว
นอกจากเคราะห์ซ้ำแล้ว ยังต้องเจอกรรมซัด เมื่อ “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาขยี้ซ้ำ เสี่ยนิด “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อโหวตวันที่ 22 ส.ค.นี้
แผลเก่าปมปัญหาซื้อขายที่ดินย่านทองหล่อยังอธิบายไม่ได้ ก็ถูกมีดกรีดเปิดปากแผลกว้างๆ แถมราดด้วยทิงเจอร์ เรื่องให้แม่บ้านและ รปภ.เป็นนอมินี นำเอกสารหลักฐานมาเปิดให้เห็นความเชื่อมโยงสายสัมพันธ์การทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิด ส่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ดำเนินคดี
ยังไม่พอ “เฮียชู” ชูวิทย์ ยังจะปล่อยของทิ้งระเบิดลูกสุดท้าย ก่อนจะเหินฟ้าบินไปรักษาตัวที่ประเทศอังกฤษ ก่อนวันโหวตเศรษฐา ในวันจันทร์ที่ 21 พ.ค.นี้ ซึ่งแผนปฎิบัติการแบบดับเครื่องชนครั้งนี้ อาจมีระยะหวังผลทำ “เศรษฐา” ก้าวไปไม่ถึงเก้าอี้นายกฯ
หากมอง สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าโอกาสที่ “เศรษฐา” จะโหวตผ่านยังอยู่ในระดับที่เรียกว่าหืดขึ้นคอ โอกาสยังครึ่งต่อครึ่ง แม้ 316 เสียง สส.จาก 10 พรรคการเมืองจะมาครบ และอาจได้เสียง สว.จำนวนหนึ่ง
ขณะที่ “เศรษฐา” แม้ออกตัวว่า ไม่เกี่ยวข้องและทางบริษัทแสนสิริฯ ได้ทำหนังสือชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยล่าสุดได้เผยแพร่คลิปมีความยาว 7 นาที มีเนื้อหาระบุช่วงหนึ่งว่า
...ชีวิตผมตรวจสอบได้หมดทุกอย่าง ลูกผมมีงานที่ดีทำทุกคน ผมไม่มีอะไรต้องห่วง ทุกคนเตือนผมว่าอย่าลงการเมือง มันเปลืองตัว ผมขอบคุณในความหวังดีของทุกท่าน แต่วันนี้ผมตัดสินใจเอง ผมอาสาเข้ามาตรงนี้เพราะอยากทำให้ประเทศชาติและเศรษฐกิจดีขึ้น
หากจับสัญญาณจากคำพูดของ เสี่ยนิด “เศรษฐา” ดูเหมือนว่า แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยยังสู้ต่อ แต่หากเกิดปัญหาเกมพลิก เสี่ยนิด “เศรษฐา” ไม่ผ่านการโหวตจาก สว. ขณะที่พรรคเพื่อไทยสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตโหวตนายกรัฐมนตรี 1 คน ได้แค่ครั้งเดียว ไม่ต่างจากกรณีที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล
คำถามคือ เพื่อไทยจะแก้เกมอย่างไร แม้จะยังมีอีก 2 ตัวเลือก คือ “อุ้งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร และ ”ชัยเกษม นิติสิริ” แต่เชื่อว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่น่าจะกล้าเสี่ยงเล่นเกมนี้
และหาก “ผู้เล่น” ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ไปต่อ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่กระดานการเมืองจะเปลี่ยนไปอยู่ในมือของขั้วอำนาจเดิม และมีผลให้ 2 ตาอยู่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยิ้มกริ่ม รอส้มลูกใหญ่หล่นใส่มืออยู่ก็เป็นได้
อ่านข่าวอื่นๆ
ดีลจบ! รวมไทยสร้างชาติร่วมเพื่อไทย ตั้งรัฐบาล
ชาวเน็ตแห่ถาม ชลน่านลาออกกี่โมง หลังจับมือรวมไทยสร้างชาติ
"เศรษฐา" โต้กลับ "ชูวิทย์" ยันซื้อที่ดินแสนสิริถูก กม.-ไม่มีเงินทอน
"นักวิชาการ"ชี้"เพื่อไทย"กลืนเลือดร่วมพรรค 2 ลุง เป้าหมาย เก้าอี้นายกฯ