วันนี้ (4 ส.ค.2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาล ว่ามีการต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเข้าร่วมรัฐบาลว่า เป็นข่าวลือ ข่าวทิพย์ ที่ผ่านมายังไม่ได้พูดคุยเรื่องตำแหน่ง เพียงแต่พูดคุยว่าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐ มนตรี มีความเห็นกันอย่างไร ถ้ายอมรับนายเศรษฐา และให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ขอเสียงโหวตนายเศรษฐาเป็นนายกฯ
พร้อมหยิบยกว่า ขณะนี้เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี ในสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลกระทบให้ประเทศวิกฤตมากขึ้น เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) พอมีข่าวว่าเลื่อนโหวตนายก ตลาดหุ้น ก็แดงทั้งกระดาน ลดไป 21 จุด สะท้อนให้เห็นว่าคนต้องการความมั่นใจและความหวัง อยากมีรัฐบาลโดยเร็ว
อ่านข่าว "ธรรมนัส" ปัดดีลลับนำ สส.ในกลุ่มทิ้ง พปชร.โหวตนายกฯ เพื่อไทย
ภูมิธรรม ยังมั่นใจเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (4 ส.ค.) ก็ยังได้ต่อสายพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และไม่ได้มีปัญหาอะไรและการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี จะเป็นเรื่องหลังสุดที่พูดคุยกัน หลังตอบรับร่วมรัฐบาลเพราะจะได้เห็นตัวเลข สส. แต่ละพรรคที่จะจัดสรรตำแหน่งได้
หากรวมกันได้ 280 เสียงอาจเป็น ครม.หน้าตาแบบหนึ่ง ถ้าได้ 300 กว่าเสียง ก็จะเป็นแบบหนึ่งได้ 10 พรรคก็แบบหนึ่ง
สิ่งสำคัญคือ นโยบายของพรรคเพื่อไทย จะเป็นแกนนำ และปรับให้สอดรับกับนโยบายของพรรคการเมืองอื่น หากบางนโยบายไม่สามารถปรับเข้ากันได้ จะทำให้ทำงานร่วมกันยากขึ้น หากได้ตัวนายกรัฐมนตรีแล้ว เรื่องตำแหน่งครม. จะมีความชัดเจน
อ่านข่าว ก้าวไกลเสียดาย "วันนอร์" สั่งปิดสภา อ้างมีคนจ้องขวางแก้มาตรา 272
ปัดต่อรองเก้าอี้
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยถูกบี้จากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เรื่องการต่อรองเก้าอี้ ครม. และสว.มองเรื่องคุณสมบัตินายเศรษฐา ว่าได้ยินจากหลายนักวิเคราะห์ ส่วนตัวก็มองว่าดีเพราะทำให้เห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไมยไม่ได้ง่าย แต่ถึงที่สุดแล้วในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องบริหารประเทศ ต้องมีความหนักแน่น มีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถพาประเทศ และความแตกต่างของพรรคการเมืองฝ่าวิกฤติไปได้
สุดท้ายการตัดสินใจ ก็ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงของการเมืองไทย ของปัญหาและความต้องการของคนไทย การจะร่วมมือกันของพรรคการเมือง อยู่ที่การพูดคุยกัน
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ได้มองในบริบทความยากที่ว่าการได้เสียงมาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ต้องใช้เสียง สว. กว่า 100 เสียงหลังจากไม่มีพรรคก้าวไกล แต่มองว่ายึดปัญหาของประชาชนเป็นหลัก พร้อมขอเสียงสนับสนุนหากเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ปัญหาประเทศและฝ่าวิกฤตได้
โดยย้ำว่าจะทำการเมืองมิติใหม่ เอาความต้องการของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ความต้องการของพรรคการเมืองเป็นตัวตั้ง และย้ำว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่ใช่เอาปัญหาการเมืองเป็นตัวตั้ง ถ้าประเทศรอด ทุกคนก็จะรอด ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่มาร่วมกันอย่างไร แต่จะยินดีให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และยินดีให้แคนดิเดตฯของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากเห็นชอบก็โหวตสนับสนุนแช้วมาเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ได้ หรือไม่เห็นชอบก็ไม่โหวต แล้วไปเป็นฝ่ายค้านก็ได้
ยังไม่ถึงเวลาว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรค 2 ลุงคือรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐยังมั่นใจในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
ชี้ตรวจสอบคุณสมบัติ "เศรษฐา"
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากไม่มั่นใจจะดำเนินการมาถึงขั้นนี้หรือ เชื่อว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากรพรรคเพื่อไทย และผลงานที่ผ่านมาเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤต และความขัดแย้งที่สั่งสมมาในขณะนี้
ทั้งนี้นายภูมิธรรมไม่ได้ตอบว่า จะมีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ต้องส่งไม้ต่อให้พรรคอันดับ 3 จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพียงแต่บอกว่าให้สื่อทำให้ความอึมครึมนั้น สว่างไสวมากขึ้น มันจะดีมาก
นอกจากนี้นายภูมิธรรมยังบอกด้วยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยไม่ได้หายไปไหน
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องพาดพิงเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายเศรษฐา ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนายกฯ จะต้องถูกตรวจสอบ มองเป็นเรื่องดี
อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องปิดบังอำพราง พรรคเพื่อไทยก็มีการตรวจสอบคุณสมบัติของแคนดิเดตก่อนเสนอชื่ออยู่แล้ว เมื่อมีการตรวจสอบก็สามารถทำให้สาธารณชนสบาย และเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลฎีกา ตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต "ธณิกานต์" เซ่นเสียบบัตรแทน
รู้จัก "ผู้ตัดสินข้อพิพาทในสังคม" 4 ศาลตามรัฐธรรมนูญ 2560