วันนี้ (23 ก.ค.2566) แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานคณะกรรมการประสานงาน ส.ส. และนายไผ่ ลิคก์ ส.ส.กำแพงเพชร แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ หลังจากเข้าหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขวิกฤตปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล
นายสันติ ระบุ หลังจากเข้าหารือกับพรรคเพื่อไทยตามคำเชิญ มีการปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมาและ พปชร.ยืนยันว่าจะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยได้แจ้งกับพรรคเพื่อไทยว่า พรรคที่ พปชร.จะร่วมทำงานด้วยต้องไม่แตะหรือมีแนวคิดแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคใดมีแนวคิดดังกล่าว พปชร.ก็ไม่สามารถร่วมงานกันได้
ได้ยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า พปชร.ปฏิเสธการทำงานกับพรรคก้าวไกล ที่มีแนวคิดและนโยบายแก้มาตรา 112
นายสันติ ย้ำว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ พปชร.รับไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าเรามีหน้าที่เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงได้แสดงเจตจำนงค์ให้พรรคเพื่อไทยรับทราบแล้ว เพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาวางแผนจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะให้จบในวันที่ 27 ก.ค.หรือไม่นั้น นายสันติ มองว่า มีความพยายามที่จะเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ ในการเชิญแต่ละพรรคและประสาน สว.ว่ามีข้อจำกัดอย่างไร พร้อมระบุว่าได้เป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณมาถึง 4 ครั้ง และรู้ดีว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายแนวคิดอย่างไร
แกนนำพรรค พปชร. แถลงข่าวหลังหารือกับพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การหารือกับพรรคเพื่อไทยในวันนี้เป็นการหารือทางออกให้ประเทศพ้นจากวิกฤตในเวลานี้ ไม่ใช่การหารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งหลักการของ พปชร.มีนโยบาย แนวทางและอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนบางพรรค ดังนั้นหากได้ร่วมรัฐบาลกันก็มองเห็นปัญหาในอนาคต คณกรรมการบริหารพรรค พปชร.จึงได้ประชุมและมีจุดยืนชัดเจน
หากต้องร่วมรัฐบาลกับบางพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน พปชร.ก็ขอไม่ร่วม
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่มีพรรคก้าวไกล พปชร.พร้อมสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า พปชร.มีจุดยืนชัดเจนในการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นในการจะร่วมรัฐบาลกับใคร หากมองเห็นแล้วว่าจะเกิดความแตกแยกในสังคมก็ไม่ขอร่วมรัฐบาล
ส่วนการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลของ พปชร.จะต้องมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของ สส. 250 คน ถ้าเสียงไม่พอจะไม่ทำ เพราะเกรงว่าจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม และที่ประชุมพรรคมีมติชัดเจนว่าจะไม่เสนอชื่อหากไม่สามารถรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังระบุถึงกระแสขาวที่ว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกเพื่อเปิดทางให้ในประเด็นไม่มีลุงนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น ขณะนี้ พล.อ.ประวิตร ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง การจะรับตำแหน่งอะไรในอนาคตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งจะทำอะไรต้องนึกถึงภูมิประวัติที่สร้างมา
สำหรับการขอเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีของแคนดิเดตพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นั้น แกนนำพรรคเพื่อไทยได้เชิญแกนนำทุกพรรคที่อยู่ในขั้วรัฐบาลเดิมคือ 188 เสียง ไม่ได้เชิญเพียงพรรค พปชร.พร้อมย้ำว่าบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต้องนำทางบ้านเมืองให้ก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้
ส่วนเหตุการณ์ที่กลุ่มทะลุวังเข้ามาต่อต้านหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัส มองว่า เป็นเรื่องปกติระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีปัญหาทุกสมัย แต่เมื่อเข้าสู่การบริหารประเทศแล้ว ผู้นำจะต้องพิสูจน์ฝีมือว่าจะนำพาประเทศชาติไปได้ รวมถึงการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องสำคัญ
อ่านข่าวอื่นๆ
วงแตก! กลุ่มทะลุวังบุกวงหารือ "พท.-พปชร." ค้านจับมือตั้งรัฐบาล
“วราวุธ” ยันพร้อมหนุน “เพื่อไทย” ถ้าไม่แก้ ม.112 และต้องไม่มีพรรคที่แตะ ม.112