ก่อนจะถึงนัดโหวตนายกฯ รอบใหม่วันที่ 27 ก.ค.นี้ ระยะห่างระหว่างทางที่พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยจะต้องถกหนักว่าจะเดินหน้าต่อหรือถอยอย่างไร ก้าวไกลจะยอมโยนผ้าขาวทิ้งก่อน หรือจะกอดคอว่ายฝ่ากระแสน้ำ ไปให้ถึงวันที่สมาชิกวุฒิสภาหมดวาระการทำงาน
การตั้งรัฐบาลของ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ภายใต้การนำของก้าวไกล ไม่ง่าย และยังไม่ถึงทางตันเสียทีเดียว หากเพื่อไทยและอีก 8 พรรคฯยังกอดกันเป็นข้าวต้มมัดอยู่เช่นนี้
และสูตรนี้ก็มีคำถามว่า หากทั้ง 2 พรรคไปต่อด้วยกัน แม้สลับให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ทำอย่างไรจึงจะได้เสียง สว. มาสนับสนุนเพิ่มขึ้น หากก้าวไกลยังไม่รามือกับการเสนอแก้มาตรา 112
หรือสูตร 2 หากพรรคก้าวไกล ยอมโยนผ้าขาว ถอยไปเป็นฝ่ายค้าน โดยมีพรรคเป็นธรรมอีก 1 เสียงตามไปด้วย ขณะที่เพื่อไทยที่มีอยู่แล้ว 141 เสียง นำพรรคเล็กอีก 8 เสียง รวมกับพรรคประชาชาติ , ไทยสร้างไทย โดยดึงพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนามารวม 141+8+9+6+71+25+10 =270 สูตรนี้จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งพอดี หากรวมเสียงของ สว. โหวตให้ อีกจำนวนหนึ่ง ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็มีความเสี่ยงหากมีการเปิดอภิปราย
หรือสูตรที่ 3 ในกรณีที่เพื่อไทยจะก้าวข้ามความขัดแย้งให้มั่นคงมากขึ้นก็ไปจับกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีอีก 40 เสียง ก็จะได้สูตร 141+8+9+6+71+25 =260+40 จะได้ 300 เสียง รวมเสียงโหวต สว. อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพพอสมควร
หรือสูตรที่ 4 ทิ้งพรรคเล็กทั้งหมด พรรคเพื่อไทยจับมือกับ,ประชาชาติ,ภูมิใจไทย,ชาติไทยพัฒนา ,ประชาธิปัตย์โดยไม่เอา 2 ลุง สูตรจะออกมา 141+9+71+10 +25 =256
และสูตรที่ 5 พรรคเพื่อไทย,ภูมิใจไทย,ชาติไทยพัฒนา,พรรคประชาชาติ และพรรคเล็กอีก 8 เสียง คือ ชาติพัฒนากล้า , พรรคเสรีรวมไทย , พรรคพลังสังคมใหม่ , พรรคประชาธิปไตยใหม่ , พรรคครูไทยเพื่อประชาชน , พรรคใหม่ , พรรคท้องที่ไทย 141+71+10+9++8= 239 สูตรนี้ไม่มีพรรค 2 ลุง (พปชร./รทสช.) หากไม่ได้เสียง สว. หนุนช่วย ก็น่าจะไปลำบาก
สูตรพลิกขั้วสลับข้าง ทิ้งพรรคก้าวไกลและพรรคสองลุงให้เป็นฝ่ายค้าน เป็นเพียงการประเมินความเป็นไปได้เท่านั้น และหากขีดเส้นภายในกำหนดเวลาที่เหลืออีก 1 สัปดาห์ กว่าจะถึงวันที่ 27 ก.ค. ต้องมาลุ้นกันว่าเพื่อไทยจะเสนอชื่อใครเข้าชิง “นายก” ในครั้งที่ 3 ระหว่าง “เศรษฐา ทวีสิน” และ “ชัยเกษม นิติสิริ” หรือจะมีการสับขาหลอก แล้วเตะชื่อคนอื่นเข้าประตู
แม้ล่าสุดสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะออกมาระบุว่า 3 แนวทางที่เป็นไปได้ในขณะนี้ คือ กอดกัน 8 พรรคไปเป็นฝ่ายค้าน,เพื่อไทยเป็นแกนนำแต่แยกทางก้าวไกล สุดท้าย รวม 8 พรรค แต่ต้องคุยกับ สว. และก้าวไกล ในเงื่อนไขที่ยังติดใจ
เป็นข้อเสนอที่เหมือนจะออกมาโยนหินถามทางเบื้องต้น ในขณะที่บาดแผลสดๆ ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ โดนฟัน 2 ดาบเมื่อวาน (19 ก.ค) จากรัฐสภาและศาลรัฐธรรมนูญ เลือดยังไม่แห้งดี
ไม่มีเสียงขานรับจากพรรคก้าวไกลว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อ คงมีเพียงการเขียนเฟซบุ๊กระบายความรู้สึกของ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกลตอนหนึ่งว่า ...ต่อให้พวกเราต้องล้มอีกกี่ครั้ง พวกเราก็จะพยายามลุกขึ้นยืน ปรับแผนใหม่ และเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น รอบคอบกว่าเดิม
ต่อให้ล้มจนลุกไม่ไหว พวกเราก็เต็มใจที่จะให้คนรุ่นหลัง เหยียบแผ่นหลังของพวกเราแล้วก้าวเดินต่อไป
นัยจากข้อความสะท้อนให้เห็นว่า ก้าวไกลก็ยังไม่ยอมแพ้ และพร้อมปรับแผนใหม่เพื่อรุกไล่ไปให้ถึงจุดหมายของพวกเขา
ส่วนเพื่อไทย หากพร้อมเท ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา เพราะไม่ว่าจะได้นายกฯ จากสูตรไหนก็ตาม ก็มีคนจองกฐินรอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มม็อบ กลุ่มด้อม หรือติ่งส้มของพรรคก้าวไกล
รวมทั้ง “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกตัวแต่เริ่มต้นว่า หากเพื่อไทยเสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ก็พร้อมนำข้อมูลมาแฉสกัดหนทางสู่เก้าอี้นายกฯ