วันนี้ (28 มิ.ย.2566) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล แคนดิเดตประธานสภาของพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีตำแหน่งประธานสภา ที่ถูกเลื่อนการเจรจาระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลว่า เป็นการเลื่อนเพื่อรอจนกว่าคณะเจรจาจะได้ข้อยุติ
ขณะนี้คณะเจรจาได้รับฟีดแบกจาก ส.ส.แต่ละพรรคและสังคม ตอนนี้รอให้มีการเดินหน้าเจรจา พร้อมยอมรับว่าเรื่องการการเจรจาของคณะดังกล่าว ถูกเลื่อนทำให้การหารือของ 8 หัวหน้าพรรคถูกเลื่อนออกไปด้วย
นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลถอยออกมาหลังจากที่พรรคเพื่อไทย ประกาศต้องการตำแหน่งประธานสภา ในขณะที่การเจรจายังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่มีการโหวตการเจรจาก็ยังสามารถเดินหน้าได้ แต่ด้วยเงื่อนเวลาบีบให้ต้องมีความชัดเจน แต่ก็ต้องให้เวลากับคณะเจรจา ซึ่งทางพรรคก้าวไกลก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ประธานสภา
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย ต้องการเก้าอี้ประธานสภา พรรคก้าวไกลจะยอมถอยหรือไม่ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคเดินหน้าไปได้ นายปดิพัทธ์ ชี้ว่าเป็นหน้าที่ของคณะเจรจา เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปทัน ก่อนที่จะมีการโหวต ยกตัวอย่างว่าก่อนที่จะสร้างบ้าน ลงทุน อาจจะมีการทะเลาะเรื่องพิมพ์เขียวให้เรียบร้อย หากปรับแบบแล้วยังไม่พอใจก็ไม่ต้องสร้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมีวันสร้าง นั่นก็คือวันที่มีรัฐพิธีเปิดประชุมสภา
แนวโน้ม และเสียงโหวตที่ประชาชนมอบให้ ยังไง 2 พรรคนี้ก็ต้องหาทางตกลงกันให้ได้อยู่แล้ว
อ่านข่าวเพิ่ม "หมออ๋อง" ปดิพัทธ์ สันติภาดา ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานสภา จากก้าวไกล
นายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังข่าวเลื่อนประชุม 2 พรรคเรื่องประธานสภาฯ
นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงหลักการที่ยึดว่าพรรคอันดับหนึ่งต้องได้ตำแหน่งประธานสภา เช่นเดียวกับพรรคอันดับหนึ่งที่ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยยังคงเดินหน้าตามหลักการนี้ ต้องชี้แจงสังคมให้ได้ว่าทำไมพรรคก้าวไกล ถึงพร้อม จึงเตรียมแผนในทิศทางที่ควรจะเป็นไว้ หากแผนเปลี่ยนแปลงก็ค่อยว่ากัน
เมื่อถามว่าประเด็นนี้จะทำให้เพื่อไทย-ก้าวไกลแตกกันหรือไม่ นายปดิพัทธ์ ระบุว่าในฝั่งของก้าวไกล คิดว่าในเรื่องนี้เป้าหมายใหญ่คือการฟอร์มรัฐบาล และคิดว่าจะไม่ยอมให้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้เป้าหมายนี้เสียไป
ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่ายที่จะวิพากษณ์วิจารณ์ถึงตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ตำแหน่งประธานสภา โดยมีข้อเสนอเรื่องประสบการณ์ ที่ได้รับเสียงสะท้อนมาจากครั้งก่อน จึงต้องมีการทำงานหนักมากขึ้น ค้นคว้าข้อมูลและถามผู้รู้
อ่านข่าวเพิ่ม ยกฟ้อง "หมอวรงค์"คดีหมิ่น "พิธา"เรียก 24 ล้านบาท
มั่นใจนั่งประธานสภาฯ-พร้อมลาออก
นายปดิพัทธ์ ระบุว่าไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นประธานสภาที่ดีที่สุด หรือไว้ใจได้อย่างไร แต่ได้แสดงความพร้อมในการทำหน้าที่ และทำงานหนักร่วมกับทุกฝ่าย ซึ่งตามข้อบังคับก่อนที่จะมีการโหวตจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ชิงตำแหน่ง เชื่อว่าเวทีดังกล่าวจะสามารถแสดงถึงความตั้งใจที่จะสื่อสารกับส.ส. แต่ทั้งหมดนั้นจะต้องได้ข้อยุติที่ทีมเจรจาก่อน
นายปดิพัทธ์ ยังกล่าวถึงการทำงานในพรรคก้าวไกลว่า แบ่งทำหน้าที่ 3 ทีมประกอบด้วยทีมเจรจา ทีมฟอร์มรัฐบาล และทีมฟอร์มสภา จะมีการพูดคุยเรื่องตัวบุคคลที่วางไว้อาจจะสลับสับเปลี่ยนกันบ้าง และในทีมสภาก็มีการทำงานร่วมกัน ต้องวางระบบการทำงานของรัฐสภา
ท้ายที่สุดชื่อของตนถูกนำเสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรค และประกาศให้ที่ประชุม ส.ส.ได้รับทราบ ย้ำความไว้วางใจที่มีต่อทีมเจรจาในการหาข้อยุติ
นายปดิพัทธ์ ยังแสดงความมั่นใจว่าหากได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาจะสามารถทำหน้าที่ได้ เพราะเชื่อว่าส.ส.ทุกคนมีวุฒิภาวะ และอาจไม่ต้องให้ความเคารพที่ตัวของตนเอง แต่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมสภาที่ถือเป็นกฎ หมาย และเคารพรัฐธรรมนูญ หากทุกคนอยู่ในกติกาได้ เชื่อว่าการทำตามกติกาสามารถทำให้เอาอยู่ได้
ยืนยันว่าจะเปิดกว้างในการผลักดันกฎหมายของทุกพรรค โดยจะลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคและไม่ร่วมประขุม ส.ส.ของพรรคเพื่อรักษาความเป็นกลาง พร้อมเปิดรับการเสนอกฎหมายจากทุกพรรคและประชาชน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก้าวไกล แจ้งเลื่อนหารือเพื่อไทย ปม "ประธานสภา" วันนี้
"เพื่อไทย" ขอเก้าอี้ "ประธานสภา" ยึดข้อเสนอเดิม 14+1