ตัวเลข 20,197 ล้านบาท คือการยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาเสพติด 242 เครือข่าย โดยใช้มาตรการยึดทรัพย์ยาเสพติด ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ จากทั้งหมด 1,000 เครือข่าย ในช่วง 3 เดือนของปี 2566
มูลค่าทรัพย์สินจำนวนดังกล่าว ด้านหนึ่งสะท้อนถึงการซื้อ-ขาย และแพร่ระบาดของยาเสพติดภายในประเทศ อีกด้านหนึ่งชี้ให้เห็นการขยายตัวขององค์กรกลุ่มค้ายาเสพติดข้ามแดน และเครือข่ายรายสำคัญทั้งหน้าเก่าและใหม่ที่กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
แม้จะมีรายงานจับกุมไอซ์ ยาบ้าล็อตใหญ่ และเคตามีน เมื่อต้นปี 2566 แต่พบปริมาณของกลางและการจับกุมสูงกว่าปี 2565 ถึง 3 เท่า ขณะที่ข้อมูลทางข่าวของเจ้าหน้าที่พบว่าอย่างน้อยยาเสพติดครึ่งหนึ่ง อาจถูกนำมาจำหน่ายภายในประเทศ
เปิดเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ
แม้จะมีข้อมูลเครือข่ายยาเสพติดกว่า 1,000 เครือข่าย ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญที่มีบทบาทสูง เคลื่อนไหวอยู่ในและนอกประเทศช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และหน่วยงานด้านความมั่นคงและ ป.ป.ส. จับตาเป็นพิเศษมี 3 กลุ่มหลัก คือ
กลุ่มนายหน้าค้ายาเสพติดชาวไทยที่มีศักยภาพในหลบหนีหมายจับเข้าไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน และร่วมกับชาวลาวและเมียนมาจัดหายาเสพติดจากแหล่งต้นทางในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ
บางกลุ่มจะร่วมกับแก๊ง 14 K ซึ่งมีนักค้ายาฯชาวไทย-จีน ไต้หวันและฮ่องกงจัดหาไอซ์ส่งมาเลเซีย และออสเตรเลีย
กลุ่มนักค้าชาวจีน จีนไต้หวัน มาเลเซีย ฮ่องกงและออสเตรเลีย จะนำเงินจากการค้ายาเสพติดทำธุรกิจท่องเที่ยว นำเข้า-ส่งออก และขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อเอื้อต่อการซุกซ่อนอำพรางยาเสพติด
กลุ่มนักค้ายาฯที่ใช้ชื่อ OMCGs (Out Law Motorcycle gangs) มีสมาชิกคนไทย ออสเตรเลีย และสัญชาติอื่นที่อยู่ในไทย กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดและพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มค้าอาวุธปืนที่เรียกว่า กลุ่มสหภาพไม้ไผ่ (Bamboo Union)
ข้อมูลทางการข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มสหภาพไม้ไผ่ (Bamboo Union) ได้ถูกทางการไต้หวันตรวจยึดเฮโรอีนที่ซุกอยู่ในแผ่นไม้ไผ่มากกว่า 300 กิโลกรัม องค์กรเหล่านี้จะนำทรัพย์สินจากการค้ายาเสพติดไปฟอกเงินผ่านธุรกิจบ่อนกาสิโน ในเขตลุ่มน้ำโขง ฟิลิปปินส์ และในเขตบริหารพิเศษมาเก๊า
กลุ่มที่สองเป็นนักค้ายาฯชาวไทย และมาเลเซีย ทำหน้าที่จัดหากัญชาและไอซ์ ส่งเข้ามาเลเซีย ข้อมูลจากตำรวจปราบปรามยาเสพติดแห่งมาเลเซียระบุว่า ขบวนการดังกล่าวจะลักลอบนำ ไอซ์ เฮโรอีน ออกจากชายแดนทางใช้วิธีขนส่งทางบก และลงทะเลอันดามันของไทย ก่อนจะไปขึ้นที่มาเลเซียและส่งต่อไปอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย เดือนละ 1-2 ตัน
กลุ่มที่สามเป็นนักค้ายาเสพติดชาวผิวสี มีทั้งไนจีเรีย แทนซาเนีย และอุซเบกิสถาน บางคนตกค้างทำมาหากินอยู่ในไทย บางส่วนเดินทางกลับประเทศแล้ว
แต่ใช้เครือข่ายหญิงไทย ทำหน้าที่รอรับพัสดุภัณฑ์ที่ซุกซ่อนโคเคนจากกลุ่มประเทศแถบอเมริกาใต้เข้าไทย และจัดหาไอซ์และเฮโรอีนส่งไป ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย
มีรายงานว่า คนกลุ่มนี้จะมีทักษะในการใช้สื่อออนไลน์ แอปพลิเคชัน Telegram ติดต่อซื้อขายยาเสพติด ซึ่งยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการค้ายาเสพติดโดยใช้สกุลเงินดิจิตอล "บิตคอยน์" สั่งซื้อยาอีจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายตามสถานบันเทิงในไทย
อ่านข่าว : สถานการณ์ยาเสพติด 2566 แนวรบไม่เคยเปลี่ยน
สถิติคดียาเสพติด
เจาะเครือข่ายนักค้ายาฯระดับท้องถิ่น
นอกจากเครือข่ายอาชญากรรมระดับประเทศ ยังพบเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ที่เคลื่อนไหวในระดับภูมิภาคต่างๆ 4 กลุ่มใหญ่ หลายกลุ่มเป็นผลจากการสอบขยายผลคดีสำคัญๆ เช่น กรณีการจับกุมผู้ต้องหาชาวม้งคดียาบ้าและเคตามีน และรายอื่นๆ ดังนี้
กลุ่มชาวม้งและคนไทย ผู้ค้ายาฯกลุ่มนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลสอบจากคดีชาวม้งค้ายาบ้าและเคตามีน และพบข้อมูลในช่วง 6 เดือนแรกในปี 2566 มีชาวม้งถูกจับคดียาเสพติดถึง 14 คดี มีผู้ต้องหาชาวม้ง รวม30 คน พบกลางยาบ้ารวม 58.5 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,900 กิโลกรัม และเคตามีน 700 กิโลกรัม
ข้อมูลของเจ้าหน้าที่พบ ผู้เกี่ยวข้องในคดียาเสพติดจำนวนหนึ่งมีอาชีพขับรถรับจ้างขนส่งทั่วไปอยู่ตามตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง จ.ปทุมธานี อยู่ก่อนแล้ว
กลุ่มอดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่พ้นโทษออกไปแล้ว และกลับไปค้ายาฯโดยใช้เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ยังคงเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ มีหน้าที่จัดหายาบ้าและไอซ์ ส่งไปภาคใต้ ใช้วิธีซุกซ่อนในสินค้าประเภทรองเท้าส่งออกออสเตรเลีย
ผู้ค้ายาเสพติดบางกลุ่มจะประสานกับเครือข่ายผู้ค้าภายนอกเรือนจำ ให้จัดส่งยาเสพติด ไปยังผู้ค้ารายปลีก ผู้ค้ารายย่อยและผู้เสพ
เครือข่ายนักค้ายาเสพติดระดับค้าส่ง ที่ใช้บริการขนส่งพัสดุภัณฑ์ลำเลียงส่งให้ผู้ค้าและผู้เสพ โดยใช้บ้านร้าง และชื่อที่อยู่ของผู้เสียชีวิตไปแล้วมาส่งยาเสพติด มีแนวโน้มสูงขึ้นในหลายพื้นที่
หลายคดีที่เกิดขึ้นพบมีตำรวจชั้นสัญญาบัตรเข้าไปเกี่ยวข้อง และทำหน้าที่จัดหาบัญชีม้าให้เจ้าของยาเสพติด
และเครือข่ายชาวไทยร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดตามแนวชายแดน ด้าน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน จะใช้วิธีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งต่อให้ผู้ค้าในประเทศ
มูลค่าโดยรวมจากการยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด และเครือข่ายค้ายาฯข้ามชาติและเครือข่ายระดับภาค ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหายาเสพติดไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤต
อ่านข่าวเพิ่ม :