วันนี้ (22 มิ.ย.2566) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปี 2566 หรือระหว่างเดือน ก.ย.-ธ.ค. มีโอกาสลดลง
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ระบุว่า หากประเมินจากอัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซธรรมชาติเหลว LNG ที่ลดลง รวมถึงปัจจัยสำคัญคือการผลิตก๊าซในอ่าวไทย แหล่งเอราวัณ ที่จะผลิตได้เพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือน ก.ค. และเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในสิ้นปี มีโอกาสที่ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) จะลดลง 20 สตางค์ต่อหน่วย เพราะต้องใช้คืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อีก 28 สตางค์ต่อหน่วย
ดังนั้น เมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐานจะเหลือ 4.50 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่จะเห็นค่าไฟฟ้าลดเหลือ 4 บาทต่อหน่วยหรือไม่ คงเป็นไปได้ยาก เพราะหากจะทำ จำเป็นต้องปรับโครงสร้างพลังงาน และแนวทางการคืนหนี้ กฟผ.แสนล้านบาท ซึ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา
เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ยอมรับว่า ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซฯ LNG ช่วงปลายปี และการผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทย ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญ หากเป็นไปตามแผนก็จะทำให้ราคาค่าไฟฟ้าลดลงได้ตามคาดการณ์
อ่านข่าวอื่นๆ
ต่ออายุอีกปี “สินค้าควบคุม” ห้ามขึ้นราคา 51 ชนิด
"พาณิชย์" เตือนล้งอย่าเอาเปรียบเกษตรกร ฮั้วกดราคาผลไม้
รถไฟฟ้าสายสีเหลืองปรับรูปแบบเดินรถ "ปิดบริการชั่วคราว" 5 สถานี