วันนี้ (1 มิ.ย.2566) นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตของคดีที่ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ มาตามนัดไต่สวนมูลฟ้องกรณีที่ น.ส.สรารัตน์ ยื่นฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังจากไปให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายเดชา กล่าวว่า คดีนี้ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช รับมอบอำนาจจาก น.ส.สรารัตน์ ให้มายื่นฟ้องนายรพี เนื่องจากถ้อยคำที่กล่าวในรายการโทรทัศน์ที่ว่า “โกหกหลอกตำรวจหัวปั่น” โดย น.ส.สรารัตน์ เห็นว่าเป็นการใส่ร้าย ซึ่งได้เตรียมหลักฐานคลิปวิดีโอ 12 คลิป ที่พูดคุยกับ น.ส.สรารัตน์ ระหว่างที่ถามหา น.ส.ก้อย ที่หายตัวไปหลังจากไปกับ น.ส.สรารัตน์ ซึ่งก็เป็นคำพูดที่โกหกทั้งหมด พร้อมหลักฐานการลงบันทึกประจำวันมายื่นให้ศาลพิจารณา
นายเดชา ยืนยันว่า น.ส.สรารัตน์ ให้การกับตำรวจกลับไปกลับมา และมีรายงานการสอบสวนของตำรวจ ส่วนคดีนี้กรณีที่ทนายความตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับลูกความ อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการต่อสู้คดี และยืนยันว่าจะไม่รับทำคดีของ น.ส.สรารัตน์ เพราะเห็นว่าเสียเวลา
ขณะที่นายรพี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่ น.ส.สรารัตน์ ให้การในคดีทำให้ตำรวจสับสน ซึ่งคดีนี้ตำรวจสามารถรวบรวมหลักฐานจนขอศาลออกหมายจับในวันที่ 25 เม.ย. แต่ทนายความผู้ที่รู้กฎหมายกลับมาฟ้องผู้ที่ช่วยเหลือในคดี รวมทั้งตำรวจ สื่อมวลชน และญาติผู้เสียชีวิต
นายรพี กล่าวว่า คดีนี้เชื่อว่า ทนายความพยายามที่จะปิดปากไม่อยากให้พูดความจริงในคดี หากศาลยกคำร้องก็เตรียมที่จะฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดรวม 12 ปี
ต่อมาเวลา 18.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องคดีระหว่าง น.ส.สรารัตน์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายรพี ซึ่งคดีนี้ น.ส.สรารัตน์ ได้มอบอำนาจให้ น.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช เป็นผู้ฟ้องร้องคดีแทน โดยวันนี้โจทก์ได้นำเอกสารรวม 3 ฉบับ และคลิปวิดีโอส่งให้ศาลพิจารณา พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งสืบพยานโจทก์เพิ่มเติมอีก 2 ปาก คือ น.ส.สรารัตน์ ซึ่งไม่สามารถเบิกตัวมาศาลได้ในวันนี้ เนื่องจากเป็นเวลานอกราชการ และแม่ รวมทั้งให้เลื่อนไต่สวนมูลฟ้องไปเป็นวันที่ 24 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.