ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นใจกลางพายุไซโคลนโมคา ที่มีขนาดมหึมา กำลังหมุนวนอยู่เหนือเมียนมา และพัดถล่มพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในเมียนมาและบังกลาเทศอย่างรุนแรง
พายุไซโคลนโมคา
พายุไซโคลนโมคา
ความรุนแรงของพายุลูกนี้ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา ต้องเผชิญพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนัก หลังจากที่พายุลูกนี้ ซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดที่ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดขึ้นฝั่งถล่มพื้นที่ระหว่างเมืองซิตตเวและบริเวณคอกซ์ บาซาร์ ทางตะวันออกของบังกลาเทศ จนถือเป็นหนึ่งในพายุที่ใหญ่ที่สุดที่ถล่มพื้นที่อ่าวเบงกอลในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่ก่อนหน้านี้ศูนย์ร่วมเตือนภัยไต้ฝุ่นของสหรัฐฯ ระบุว่า พายุไซโคลนโมคาอาจมีความเร็วลมสูงสุดถึง 259 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับความรุนแรงของพายุเฮอริเคนระดับ 5
รัฐยะไข่ ของเมียนมา
รัฐยะไข่ ของเมียนมา
ด้านหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาอินเดีย ระบุว่า พายุลูกนี้จะอ่อนกำลังลงหลังปะทะกับภูเขาภายในเมียนมา ซึ่งเมื่อสายวานนี้พายุได้พัดผ่านไปแล้ว แต่ยังคงทิ้งซากความเสียหายไว้ให้ประชาชนในพื้นที่ไม่น้อย ทั้งต้นไม้หักโค่น บ้านเรือนเสียหาย หลังคาปลิวว่อน สิ่งปลูกสร้างพังถล่ม และบางพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณเส้นทางสัญจรด้วย
นอกจากพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่แล้ว บริเวณค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา ในคอกซ์ บาซาร์ ซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกในบังกลาเทศ ยังได้รับผลกระทบเพราะเป็นทางผ่านของพายุ จนกระทบต่อที่พักอาศัยของผู้ลี้ภัยกว่า 400 - 500 หลัง แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
วัดในเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ของเมียนมา ก่อนที่ไซโคลน
วัดในเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ของเมียนมา ก่อนที่ไซโคลน "โมคา" พัดขึ้นฝั่ง
ด้านหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติและเจ้าหน้าที่ด้านการช่วยเหลือได้เตรียมอาหารแห้งหลายตัน พร้อมรถพยาบาลหลายสิบคันและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยคอกซ์ บาซาร์ เพื่อรองรับและให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัย
บังกลาเทศเก็บกวาดซากความเสียหายไซโคลนโมคา
ขณะที่บริเวณพื้นที่ต่าง ๆ ในบังกลาเทศต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่เจ้าหน้าที่ด้านภัยพิบัติของบังกลาเทศ ระบุว่า ไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรง เนื่องจากทางการได้อพยพประชาชนกว่า 750,000 คนแล้ว ก่อนหน้าที่พายุจะพัดถล่ม
หลังจากที่พายุได้พัดผ่านไปแล้ว ประชาชนต่างเดินทางกลับเข้าบ้านของตนเอง พร้อมช่วยกันเก็บกวาดซากความเสียหาย โดยมีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเข้าร่วมช่วยเหลือกันเป็นจำนวนมาก
พายุไซโคลนโมคา
พายุไซโคลนโมคา
พายุไซโคลนโมคา ถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่พัดถล่มบังกลาเทศในรอบเกือบ 20 ปี นับตั้งแต่ พายุไซโคลนซีดร์ ที่พัดถล่มเกาะทางตอนใต้ของประเทศเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2007 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,000 คน และยังสร้างความเสียหายอีกมูลค่ากว่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการพยากรณ์และการวางแผนอพยพล้วนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ช่วยลดความสูญเสียของผู้คนจากภัยพิบัติได้
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์หลายคน เตือนว่า พายุต่าง ๆ จะทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องมาจากภาวะโลกร้อนที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ