วันนี้ (11 เม.ย.2568) ภายหลังการประชุมกำหนดแนวทางดำเนินนโยบายการค้าระหว่างไทย -สหรัฐฯ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม จึงเชิญผู้บริหารกลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมกับตัวแทนธุรกิจเกษตรหลายราย ตลอดจนส่วนราชการในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าแลกเปลี่ยนความเห็น
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง
ก่อนประกาศว่ารัฐบาลจะไม่นำชิ้นส่วนและเครื่องในหมู อยู่ในรายการสินค้าที่ใช้ต่อรองกับสหรัฐฯ แต่จะนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง หลังพบว่าปริมาณความต้องการใช้สูงกว่าปริมาณผลผลิต
พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจะไม่จัดงบประมาณสำหรับอุดหนุนสินค้ารายการใดรายการหนึ่ง เพื่อสร้างแต้มต่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ รวมทั้งไม่เร่งประกาศยกเว้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ให้เป็น 0% เหมือนเวียดนาม แต่ยอมรับว่า กลยุทธ์ของเวียดนาม ทำให้ไทยต้องบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงการคลังยังใช้กลไกในฐานะผู้ถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง ผลักดันแผนการจัดซื้อและการลงทุนไปยังสหรัฐฯ เช่น การจัดซื้อเครื่องบินขนาดกลางและขนาดใหญ่ ของบริษัทการบินไทย รวม 45 ลำ การนำเข้าก๊าซธรรมชาติ และอีเทน จากสหรัฐฯ จำนวน 4 แสนตัน ของ ปตท. ตลอดจนโครงการร่วมลงทุนแหล่งก๊าซ ของ ปตท.สผ. การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ป้อนตลาดสหรัฐฯ คาดว่าไทยจะสามารถลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ภายใน 5-7 ปี
นอกจากนี้รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจสอบและออกเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า สะสางปัญหาผู้ผลิตบางประเทศสวมสิทธิ์ตราเป็นสินค้าไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ตลอดจนการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมให้เข้มข้นขึ้น
ทั้งนี้จะทยอยเชิญผู้แทนจากอุตสาหกรรมพลังงาน และโรงไฟฟ้า เข้าแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อให้ได้ข้อมูลและเงื่อนไขที่ดีที่สุดกับประเทศ และพร้อมจะเดินทางไปสหรัฐฯ โดยเร็วที่สุดหากได้รับกำหนดการยืนยันที่ชัดเจน
นายพิชัย ยังกล่าวว่า ไทยอยู่ระหว่างรอกำหนดยืนยันวันและเวลา พบกับ นายจามิสัน กรีเออร์ ประธานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) หลังได้ประสานงานล่วงหน้า ตั้งแต่เดือน ม.ค.แล้ว
พร้อมยอมรับว่า การเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ อาจยืดเยื้อและต้องเดินทางเยือนสหรัฐฯ อีกหลายครั้งกว่าจะได้ข้อยุติ พร้อมยกกรณีกลุ่มอียู ต้องประชุมเจรจาไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่น้อยกว่า 5 รอบ
ขณะที่นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าจะรายงานกลุ่มสินค้า ที่สามารถต่อรองได้และกลุ่มสินค้า ที่ควรสงวนท่าทีและเตรียมหาทางรับมือล่วงหน้า โดยเฉพาะชิ้นส่วนและเครื่องในหมู ซึ่งเป็นรายการสินค้าที่สหรัฐฯ พยายามกดดันให้ไทยนำเข้า
ส่วนกรณี สหรัฐฯ เลื่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีโต้ตอบ 90 วัน ส่งผลดี ต่อคำสั่งซื้อที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ซึ่งผู้ส่งออกต้องเร่งส่งสินค้าทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ภายในวันที่ 10 พ.ค.2568 เพื่อลดความเสี่ยงจากการบังคับใช้มาตรการ
แต่ปัญหาการตอบโต้ทางภาษีระหว่าง สหรัฐฯ และจีนอาจกระทบบรรยากาศการเจรจากับประเทศที่เหลือ คาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบต่อการส่งออกที่ชัดเจน ในช่วงเดือน มิ.ย.2568
เอกชนจึงคาดหวังว่าทีมไทยแลนด์จะสามารถต่อรองให้ลดภาษีโต้ตอบ จากร้อยละ 36 เหลือใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง
อ่านข่าว :
"จีน" เมิน "สหรัฐฯ" เดินหน้า เก็บภาษีเพิ่มเป็น 125 % มีผล 12 เม.ย.นี้
จีนประกาศลดนำเข้าหนังอเมริกา โต้กำแพงภาษี "ทรัมป์"
สหรัฐฯ-จีนยกระดับสงครามการค้า "ทรัมป์" ระงับภาษี 75 ชาติหวังให้จีนโดดเดี่ยว