จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566 ที่มีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ค้าขายบริเวณวัด ที่เคยใช้ทำกินมานานกว่า 30 ปี หลังคณะกรรมการวัด มีมติให้จัดระเบียบการค้าขาย เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของวัดเนื่องจากปัจจุบันยังมีการค้าขาย ที่ไม่เป็นระเบียบ
อ่านข่าวเพิ่ม : "หมอปลา" ขอขมา "เจ้าอาวาส" วัดพระธาตุพนมคดีหมิ่นประมาท
โดยพ่อค้าแม่ค้า บางส่วนที่ประกอบการค้าขายลอตเตอรี่ และขายดอกไม้ ยืนยันไม่ยอมทำตามมติวัด และประกาศจุดยืนที่จะค้าขายที่เดิม
ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะไวยาวัชกรวัด ประธานดูแลผลประโยชน์วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ระบุว่า ได้แจ้งความดำเนินคดีกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้า จำหน่ายดอกไม้ และลอตเตอรี่ จำนวนกว่า 100 ราย ในข้อหาฐานความผิดบุกรุกที่ธรณีสงฆ์เป็นหลัก และไม่ทำตามระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนา
พร้อมยืนยันว่าพื้นที่บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ จะต้องเป็นไปตามระเบียบวัด และจะต้องไม่ขัดต่อระเบียบการค้าขายของวัด หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
อ่านข่าวเพิ่ม : "ทนายอนันต์ชัย" แจ้งจับพ่อค้าแม่ค้า รุกพื้นที่วัดพระธาตุพนม
วันนี้ (3 พ.ค.2566) มีข้อมูลล่าสุดว่า หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางกรรมการวัดพระธาตุพนมฯ ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือกรณีดังกล่าว โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ทางวัดจะสร้างโดมขายของตรงบริเวณทางเดิน (Walk way) เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าได้ขายของ
โดยจะกำหนดให้ขายของได้เพียงที่เดียวเท่านั้น พ่อค้าแม่ค้าที่จะมาขายของจะต้องลงทะเบียน พร้อมมอบหมายให้นายอำเภอธาตุพนมเป็นผู้เจรจาพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้าน เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ซึ่งจะได้ข้อสรุปและแนวทางที่ชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า
เรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ในจังหวัดนครพนม และมีการพูดถึงในแง่มุมต่างๆ
อย่างเช่นเพจ ชุมชนคนนครพนม ได้โพสต์ภาพเปรียบเทียบภาพวัดพระธาตุพนมฯ ในปี 2562 และในปีนี้ พร้อมระบุข้อความที่มีใจความ
มีการตั้งตลาดน้อยปิดบังประตูวัด และเข้าไปตั้งแผงขายของ ขายล็อตเตอรี่ถึงข้างหอพระแก้ว อุโบสถ และตั้งหน้าประตูกำแพงแก้วในระเบียงคต ติดกับองค์พระธาตุพนม
บอกตามตรงว่าทีมงานอายุ เลข 4 เลข 3 หัวหน้าแอดมิน อายุเลข 5 ยังไม่เคยเห็นภาพความเละเทะขนาดนี้มาก่อนครับ งานธาตุยังไม่ขนาดนี้เลย ไม่ทราบเช่นกันว่าเรื่องนี้จะไปจบลงที่ตรงไหน
ขอบคุณภาพ : FB กลุ่มชุมชนคนนครพนม
ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนหนึ่งของผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น เพราะบางคนก็เห็นใจพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องทำมาหากิน