วันนี้ (17 เม.ย.2566) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้เผยแพร่ "รายงาน 10 ปีคดีโกงของนักการเมืองไทย" รวบรวมข้อมูลจากการนำเสนอข่าวโดยสื่อมวลชน
เฉพาะคดีที่มีการชี้มูลความผิดโดย ป.ป.ช. การตัดสินคดีโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ระหว่าง พ.ศ.2555 ถึงปัจจุบัน พบว่า มี 61 คดี และมีนักการเมืองกระทำผิด 68 คน
มานะ นิมิตมงคล เลขาธิการ ACT เปิดเผยถึงจำนวน 61 คดีว่า สามารถจำแนกตามลักษณะความผิด ดังนี้
- โกงเลือกตั้ง 25 คดี
- ยื่นบัญชีทรัพย์ สินเท็จ 9 คดี
- โกงจัดซื้อจัดจ้างและฮั้วประมูล 8 คดี
- เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง 8 คดี
- ประพฤติมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 3 คดี
- แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ 2 คดี
- ร่ำรวยผิดปกติ 2 คดี
- บุกรุกที่ดินหลวง 2 คดี
- เรียกรับสินบน 1 คดี
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1 คดี
และสำหรับนักการเมือง 68 คนในที่นี้หมายถึง ส.ส., ส.ว., สนช., รัฐมนตรี ทั้งจากพรรคเล็ก พรรคใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ข้อมูลนี้คือบทเรียนความเสียหายของแผ่นดินที่เกิดจากคอร์รัปชันโดยนักการเมือง องค์กรฯ จัดทำขึ้นด้วยเจตนาสุจริต ไม่ได้ต้องการจงใจใส่ร้ายผู้ใด
ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนักว่า อย่าลืมความเสียหาย อย่ายอมรับความหายนะอีกต่อไป การโกงซับ โกงซ้อน โกงซ่อนเงื่อน การพลิกแพลงกฎหมายและใช้โวหารจอมปลอมของนักการเมืองทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับประชาชนที่จะรู้เท่าทัน
ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องต้องเรียนรู้ร่วมกันเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว
โดยทั่วไปคดีคอร์รัปชันโครงการขนาดใหญ่มักมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทำกันเป็นเครือข่ายและมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าส่วนใหญ่มีแต่ข้าราชการที่ถูกดำเนินคดี เช่น
- คดีถุงมือยาง (ความเสียหาย 2,000 ล้านบาท)
- คดีสร้างโรงพัก (มูลค่า 5,848 ล้านบาท)
- คดีแฟลตตำรวจทั่วประเทศ (มูลค่า 3,700 ล้านบาท)
เว้นแต่คดีนั้นมีหลักฐานแน่นหนาว่าโดยนักการเมือง เช่น
- คดีสนามฟุตซอล (มูลค่า 4,450 ล้านบาท)
- คดีรุกป่า
ทั้งนี้ คดีที่ระบุได้ว่าสร้างความเสียหายให้ประเทศมูลค่าสุงสุดในรอบ 10 ปี ได้แก่
- คดีโครงการจำนำข้าว (มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท)
- คดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน (มูลค่า 2.49 หมื่นล้านบาท)
ไม่เพียงเท่านั้น เฉพาะ 8 คดีที่เกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง และฮั้วประมูล มีมูลค่าความเสียหายรวมกัน ราว 5.2 หมื่นล้านบาท
ในแต่ละปีเกิดเรื่องอื้อฉาวและเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และยื่นฟ้องต่อศาลจำนวนมาก แต่มีเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่ถูกชี้มูลและศาลตัดสินว่าผิดจริง
คดีอื้อฉาวจำนวนมากใช้เวลาดำเนินคดีมากกว่า 10 ปี - 30 ปี ก็มี บางคดีผ่านไป 20 ปี เพิ่งแจ้งข้อกล่าวหา บางคดีเอาผิดใครไม่ได้เพราะหมดอายุความ
ความผิดมีโอกาสเกิดขึ้นในทุกกระทรวงและหน่วยงานรัฐพอๆ กัน โดยไม่จำกัดว่าคนผิดต้องเป็นรัฐมนตรีที่มีอำนาจบริหารเท่านั้น แต่ ส.ส., กรรมาธิการ และเครือข่าย ก็สามารถเชื่อมโยงกัน ทำร้ายบ้านเมืองได้ และนักการเมืองทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง ก็มีโอกาสคอร์รัปชันได้พอกัน นายมานะกล่าว
รายงานนี้ยังระบุข้อมูลที่น่าสนใจด้วยว่า ในปี 2564 ไม่ปรากฏว่ามีคดีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนักการเมืองเลย และในการเลือกตั้งครั้ง 2566 นี้ มีนักการเมืองหลายคนที่ถูกดำเนินคดีคอร์รัปชันกลับลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งที่รู้กันดีว่า ผู้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีคอร์รัปชันจะหมดสิทธิ์การเป็น ส.ส. แล้วเลือกตั้งใหม่ทันที
นอกจากนั้น ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการดำเนินคดีนักการเมืองข้อหาร่ำรวยผิดปรกติน้อยมาก ทั้งที่พบว่านักการเมืองแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ให้ร่ำรวยมากขึ้นหรือลดลงอย่างผิดปรกติจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน พฤติกรรมประหลาดของนักการเมืองเมื่อเกิดคดีความ หรือส่อว่าจะมีคดี เช่น จดทะเบียนหย่าจากคู่สมรส, เปลี่ยนชื่อ – นามสกุล เป็นต้น และมีคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี แม้เสียชีวิตไปแล้ว ทายาทยังต้องชดค่าเสียหายให้แก่รัฐ
สำหรับการประเมินมูลค่าความเสียหายจากคอร์รัปชันนั้น เลขาธิการ ACT กล่าวว่า ยากที่จะประเมินเพราะไม่สามารถคำนวณความเสียหายต่อเนื่องที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานและประชาชนได้
ปัญหาคุณภาพชีวิตและปัญหาปากท้อง ชัดเจนอย่างที่สุดว่าคอร์รัปชันเป็นตัวการตอกย้ำซ้ำเติมให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม
เช่น การที่รัฐซื้อของแพงได้ของไม่ดีหรือล่าช้า ย่อมส่งผลให้เกิดอุปสรรคหรือด้อยคุณภาพในการให้บริการประชาชนด้วยเช่นกัน รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจ เกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้า หรือความขัดแย้งในสังคมตามมา
จากรายงานนี้ยิ่งเห็นชัดว่าหากเราเลือกนักการเมืองทุจริตเข้ามา ประเทศอาจล่มจมได้และนี่คือบทเรียน