นักลงทุนยังคงกังวลต่อปัญหาการปิดกิจการของธนาคาร ซิลิคอน แวลลีย์ (Silicon Valley) ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก แต่ดัชนี Nasdaq กลับปิดในแดนบวก หลังคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ดัชนีที่ตลาดสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2566 พบว่า
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 31,819.14 จุด ลดลง 90.50 จุด
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,855.76 จุด ลดลง 5.83 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,188.84 จุด เพิ่มขึ้น 49.96 จุด
ปัจจุบัน มี 3 ธนาคารที่ถูกปิดไป แต่ตลาดจับตาไปที่ธนาคาร ซิลิคอน แวลลีย์ มากที่สุด เพราะมีสินทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 16 ของสหรัฐฯ และวิกฤตการณ์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่สุดของภาคธนาคารสหรัฐฯ นับตั้งแต่ กรณี เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายเมื่อปี 2551
ธนาคาร ซิลิคอน แวลลีย์ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
ในช่วงโควิด-19 ธุรกิจเทคโนโลยีเฟื่องฟูมาก เงินฝากในธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ เพิ่ม 2 เท่า ธนาคารได้นำเงินฝากดังกล่าวไปลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว และ เสี่ยงต่ำ
แต่หลังโควิด-19 คลี่คลาย ดอกเบี้ยก็ปรับสูงขึ้น การระดมทุนในธุรกิจเทคโนโลยีเริ่มฝืด และมีการถอนเงินออกไปเพื่อเอาเงินสดไปหมุนเวียน ธนาคารก็ต้องหาเงินมาคืนผู้ฝาก ด้วยการขายพันธบัตรทั้งที่ขาดทุน ซึ่งธนาคารขาดทุนมากกว่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน ภัทร บอกว่าปัญหาครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากคุณภาพสินทรัพย์เหมือนในอดีต โดยธนาคารลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเกินครึ่ง และพันธบัตรรัฐบาลที่มีการขาดทุน เป็นเพราะดอกเบี้ยปรับขึ้น
เมื่อไปดูการปล่อยกู้ของธนาคาร มีเพียง 1 ใน 3 ของสินทรัพย์ และหนี้เสียก็มีน้อยกว่า ร้อยละ 1
แบงก์สหรัฐฯ ล้ม กระทบไทยจำกัด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าปัญหาความอ่อนแอของธนาคารในสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อไทยทางอ้อม ผ่านความผันผวนของตลาดการเงิน ส่วนผลกระทบทางตรงยังจำกัด
นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีสภาพคล่องและเงินกองทุนที่มั่นคง มีการกระจายตัวของโครงสร้างสินทรัพย์และเงินฝากที่ดีกว่า อีกทั้งพฤติกรรมลูกค้าแตกต่างจากสหรัฐฯ
ที่สำคัญ ยังมีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดและใกล้ชิดของแบงก์ชาติ
จึงเชื่อมั่นว่าธนาคารไทยจะไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนสหรัฐฯ
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่าผลกระทบต่อไทยมีจำกัด
เนื่องจากไม่มีธนาคารพาณิชย์ไทย มีธุรกรรมโดยตรงกับ ธนาคาร ซิลิคอน แวลลีย์ และปริมาณธุรกรรมโดยรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยในฟินเทค และ สตาร์ทอัป ทั่วโลกมีน้อยกว่าร้อยละ 1 ของเงินกองทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พร้อมย้ำว่า การกำกับดูแลธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจระดมเงินทุน มีความเข้มงวด
สำหรับการคุ้มครองเงินฝาก ไทยมีสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) ปัจจุบันมีสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง 32 แห่ง แต่หากสถาบันเหล่านี้ถูกเพิกถอนใบอนุญาต DPA จะทำหน้าที่จ่ายคืนเงินฝากภายใน 30 วัน กำหนดวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 1,000,000บาท / 1 รายผู้ฝาก / 1 สถาบันการเงิน
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ตลาดเริ่มประเมินว่าอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยโอกาสที่ FED จะกลับไปขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงเริ่มมีน้อยลง อย่าง SCB Chief Investment Office ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดว่า FEDจะขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนมีนาคม
อ่านข่าวเกี่ยวกับ SVB เพิ่ม :