ผบช.น.ระบุยังไม่มี ตร.รับสารภาพปมเรียกเงินดาราไต้หวัน

วันนี้ (30 ม.ค.2566) เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น., พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ร่วมแถลงข่าวกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันถูกตำรวจเรียกรับเงิน

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน มีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฎิบัติหน้าที่ซึ่งพบเห็นวัตถุผิดกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายกับนักท่องเที่ยว แต่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากจุดตรวจไป กรณีนี้เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาแล้วจำนวนหลายนาย

ส่วนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยวนั้น จะต้องดำเนินการติดตามพยานหลักฐาน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมให้ชัดเจน ทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเรียกมาสอบสวน พยานเอกสาร บันทึกรับสารภาพ จำนวนเงินที่แน่นอนตามที่มีกระแสข่าวนั้น หากพบว่ามีความผิดชัดเจนก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ไม่ละเว้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาในขณะนี้ ทำให้ได้ความชัดเจนในเหตุการณ์ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเรียกตรวจค้น ซึ่งคณะสอบสวน ได้ตั้งประเด็นสอบสวนต่อไปว่า เหตุใดจึงได้เรียกให้หยุดตรวจค้น และใช้เวลาตรวจค้นนาน ซึ่งผลการสอบสวนจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด

ยืนยันไม่ได้สั่งลบภาพวงจรปิด

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้สั่งให้ลบภาพจากกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้เพราะเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร ส่วนกล้องที่ติดหมวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้ได้รวบรวมส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานให้ทำการตรวจสอบ เนื่องจากไฟล์ถูกลบจริง แต่เป็นการลบเองหรือไฟล์หมดอายุนั้น ต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีใครสั่งการให้ทำเรื่องผิดกฎหมาย

สำหรับกล้องวงจรปิดที่หน้าสถานทูต ไม่สามารถจะเข้าไปดำเนินการอะไรได้อยู่แล้ว ซึ่งตำรวจได้ทำหนังสือขอรูปภาพจากกล้องดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่วันแรก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการตอบรับอยู่ เนื่องจากติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พร้อมยืนยันว่า หากใครมีพยานหลักฐานหรือคลิปภาพใด ก็ยินดีรับ และจะดำเนินการตามความเป็นจริง ตำรวจที่ไม่ดีจะไม่เก็บไว้ในองค์กร

ขอ "ชูวิทย์" ส่งมอบคลิปเพื่อใช้ประกอบการสอบสวน

ส่วนคลิปที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อ้างว่ามีการส่งเงินให้นั้น ขณะนี้ตำรวจยังไม่มีหลักฐานส่วนนี้ พร้อมขอให้นายชูวิทย์นำมามอบให้เพื่อประกอบการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วนประเด็นการรับสารภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านนั้น จากการสอบสวนครั้งแรก ยืนยันว่ายังไม่มีใครรับสารภาพ แต่ขณะนี้ได้สั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งจะมีการกลับคำให้การหรือไม่ขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน แต่หากหลักฐานชัดก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมทุกราย

สำหรับกรณีที่นายชูวิทย์ ให้ข้อมูลว่ามีหญิงไทยเป็นผู้ส่งมอบเงินให้ตำรวจนั้น เรื่องบุคคลในที่เกิดเหตุเป็นประเด็นที่ตำรวจได้วางกรอบการสืบสวนเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก โดยจะเร่งรัดติดตามบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีบุคคลนอกเหนือจากคนขับรถ หญิงชาวไต้หวัน และเพื่อนชาย 3 คน เข้ามาที่ด่านเพิ่มเติมหรือไม่

ส่วนเพื่อนชายทั้ง 3 คน ตำรวจได้พยายามติดต่อให้เข้ามาให้การแล้ว เพราะการจะดำเนินคดีเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จะต้องสอบสวนทั้งผู้ให้และผู้รับให้ชัดเจน แต่การประสานงานกับทางไต้หวันต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ เพราะได้ประสานงานโดยตรงไปแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับ

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า จากภาพวงจรปิดที่ปรากฎที่บริเวณด่าน ตำรวจได้มุ่งเป้าการสอบสวนข้อเท็จจริงไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่มีลักษณะการยืนอยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มของนักท่องเที่ยวมากที่สุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการกระทำความผิดจริงหรือไม่

ส่วนที่มีรายงานว่า ในขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายที่ไม่ได้เข้าเวรในวันดังกล่าว แต่เดินทางเข้ามาที่ด่าน ก็อยู่ระหว่างให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบอยู่เช่นกัน ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการเรียกตำรวจชุดตั้งด่านมาสอบปากคำอย่างละเอียดเพิ่มเติม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง จับตา บช.น. "ชูวิทย์" โพสต์ยันมีคลิปหลักฐานรีดเงินดาราสาวไต้หวัน