วันนี้ (22 พ.ย.2565) รอบแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินผ่านกองทัพสื่อที่รอทำข่าว ครม. ไม่ได้ตอบคำถาม ถึงกระแสข่าวการเข้าลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ 3 ป. และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือการแถลงต่อความชัดเจนทางการเมือง
รอบสองหลังร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินผ่านสื่อมวลชนที่จุดเดิม สื่อยังไม่ลดละความพยายามที่จะความความชัดทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ เพียงพยักหน้ารับเมื่อสื่อทักทาย แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามหรือเอ่ยคำใดออกมา ก่อนจะเดินเข้าห้องประชุม ครม.
"อนุทิน" ไม่ขอวิจารณ์การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ระบุถึง กระแสข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า เรื่องนี้ต้องถามจาก พล.อ.ประยุทธ์ และยังไม่ได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่วนตัว เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีภารกิจที่เกี่ยวกับการประชุมเอเปคต่อเนื่อง
ทั้งนี้มองว่า การเมืองดำเนินไปตามสถานการณ์ ซึ่งเมื่อถึงเดือนมีนาคมปีหน้าก็จะสิ้นสุดสมัยการประชุมสภา หลังจากนั้นไม่เกิน 45-60 วัน ก็จะมีการเลือกตั้ง และช่วงเวลานี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ รวมทั้งการยุบสภา โดยเชื่อว่า พรรคการเมืองทุกพรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้ง ซึ่งหากพรรคใดยังบอกว่าไม่พร้อมก็คงจะแข่งขันกับใครไม่ทันแล้ว
สำหรับกรณีกฎหมายลูกที่รอศาลธรรมนูญตีความนั้นก็เป็นไปตามขั้นตอน แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทยมุ่งเน้นให้ผู้สมัครของพรรคสร้างคะแนนนิยมให้กับประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งไม่ว่า กติกาการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรพรรคภูมิใจไทยก็มีความพร้อมมีแล้ว
โดยย้ำว่า ขณะนี้การวางตัวผู้สมัครทั่วประเทศลงตัวหมดแล้วรวมทั้งกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ขอตอบว่านายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จะมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ขออุบไว้ก่อน ส่วนจะมี ส.ส. กทม.จากพรรคพลังประชารัฐย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ด้วยหรือไม่ก็ต้องอยู่ที่การพูดคุย หากเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคภูมิใจไทยก็สามารถมาร่วมงานทางการเมืองกันได้
สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้ายังมองว่ากระทรวงสาธารณสุขมีการทำงานที่สนุก ท้าทาย สามารถช่วยเหลือประชาชนให้มีสุขภาพที่ดี ปลอดภัยจากโรคระบาดร้ายแรง ถือเป็นความภาคภูมิใจที่อย่างน้อยทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน
ส่วนกระทรวงอื่นเช่นกระทรวงมหาดไทย มองว่าต้องรอผลการเลือกตั้งให้รอดก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับการเลือกตั้งกี่คน ซึ่งการเป็นผู้นำฝ่ายค้านบางครั้งก็ยังน่าสนใจกว่า และสามารถทำหน้าที่ได้หมดและเชื่อมั่นว่าทำได้ดีด้วย
ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรีย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติจริงจะเป็นการแย่งคะแนนกันเองกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายอนุทิน มองว่า ตัวใครตัวมัน ก้าวก่ายไม่ได้ เพราะคงไม่เหมาะที่จะวิจารณ์การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี และจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยก็ไม่วิจารณ์ใคร ไม่ใช้คำพูดสร้างความเกลียดชัง และไม่ด้อยค่าใคร
ส่วนจะสามารถทำงานร่วมกันได้กับทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร หรือไม่นั้น ขอย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนชัดเจนมานานแล้ว หากติดตามพรรคภูมิใจไทย ก็จะทราบ