วันนี้ (16 พ.ย.2565) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลง 5 ฉบับ พร้อมกล่าวถ้อยแถลงในการแถลงข่าวร่วมกับนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย
นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเวียดนาม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง 5 ฉบับ ได้แก่
- แผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งไทย-เวียดนามในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2565-2570)
- ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันในคดีแพ่ง
- บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องระหว่างราชอาณาจักรไทยกับนครดานัง
- บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเวียดนาม
- สัญญาสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กับธนาคารพาณิชย์เพื่อการค้าระหว่างประเทศแห่งเวียดนาม
ถ้อยแถลงการแถลงข่าวร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทย เวียดนาม และประเทศในภูมิภาค ต่างเผชิญความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจจากความผันผวนในสถานการณ์ระหว่างประเทศ ทุกประเทศกำลังเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทั้ง 2 ประเทศจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนการเร่งฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ และพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในวันที่ 17 พ.ย.จะมีกิจกรรมทางธุรกิจไทย-เวียดนาม นักธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศจะมารวมตัวกันกว่า 300 คน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะเปิดศักราชใหม่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน โดยเฉพาะในโอกาสที่จะครบรอบ 10 ปีของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในปีหน้า
นายกรัฐมนตรีได้เรียนเชิญนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เยือนไทยอย่างเป็นทางการ และจะประสานงานเพื่อจัดการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ครั้งที่ 4 ที่เวียดนาม
ด้านประธานาธิบดีเวียดนาม ขอบคุณรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยที่ให้การต้อนรับอย่างเป็นเกียรติและเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี ที่ผ่านมาเวียดนามและไทยทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมขึ้นในหลายๆ ด้าน
ไทยคือเพื่อนที่ใกล้ชิดที่เวียดนามให้ความสำคัญ สามารถหารือเพื่อสร้างสรรค์ความร่วมมือ สร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ถือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ทั้งในกรอบของอาเซียน ภูมิภาคและโลก พร้อมยินดีกับการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ซึ่งเวียดนามยินดีสนับสนุนความร่วมมือเพื่อให้การประชุมเอเปคในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
ผลลัพธ์หารือประเด็นสำคัญ "ไทย-เวียดนาม"
ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญร่วมกัน โดยมีผลลัพธ์ที่สำคัญ ดังนี้
ด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความมั่นคงร่วมกัน โดยจะแลกเปลี่ยนการเยือนและการปรึกษาหารือในกรอบและกลไกด้านการเมือง ความมั่นคง และการทหาร ทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
ด้านเศรษฐกิจ ไทยและเวียดนามเห็นพ้องกันผลักดันความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมของทั้ง 2 ประเทศและภูมิภาค ครอบคลุมทั้งการค้า การลงทุน ความเชื่อมโยงทางคมนาคม การเงินการธนาคาร และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งจะเร่งอำนวยความสะดวก ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน
นอกจากนี้ ไทยและเวียดนามจะรวมพลังทางเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงไปข้างหน้ายิ่งขึ้น ตามแนวทาง Three Connects คือ 1.การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในสาขาที่เกื้อกูลกัน 2.การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคอีสานของไทยกับภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม และ 3.การเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะ BCG กับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวของเวียดนาม
ด้านการพัฒนาและประชาชน ทั้ง 2 ฝ่ายมุ่งมั่นส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ยกระดับความกินดีอยู่ดีของประชาชน โดยเฉพาะผ่านโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ประชาชนและท้องถิ่นเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากโครงการให้ความช่วยเหลือจากไทย รวมทั้งจะใช้ประโยชน์จากกรอบกลไกความร่วมมือในระดับประชาชนและท้องถิ่นระหว่างจังหวัดไทยและเวียดนาม และสมาคมมิตรภาพต่าง ๆ
ด้านความท้าทายในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องว่าควรประสานท่าทีและความร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบ ACMECS และอาเซียน เพื่อให้ภูมิภาคนี้มีสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรือง พร้อมให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพและความเข้มแข็งของอาเซียน
รวมทั้งไทยและเวียดนามมีเป้าหมายเดียวกันในเรื่องเมียนมา คือ ต้องการให้คลี่คลายสถานการณ์และความเป็นปกติสุขกลับคืนสู่เมียนมาโดยเร็ว โดยเชื่อว่าการดำเนินการของอาเซียนตามแนวทาง ASEAN Way บนพื้นฐานของความร่วมมือ การปรึกษาหารือกันและฉันทามติร่วมกัน จะคลี่คลายปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง