วันนี้ (10 พ.ย.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook Instagram และ WhatsApp ประกาศว่าจะปรับลดพนักงานกว่าร้อยละ 13 โดยถือเป็นการปรับลดพนักงานที่มากที่สุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานกว่า 11,000 คน จากจำนวนพนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก 87,000 คนต้องตกงาน
ด้าน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารระดับสูงของ Meta ระบุว่า การปรับลดพนักงานในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุดของประวัติศาสตร์ของบริษัท ซึ่งเขารู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับทุกคนเช่นกัน และรู้สึกเสียใจต่อผู้ที่ได้รับกระทบ
โดย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ระบุถึงสาเหตุในการปรับลดพนักงานครั้งใหญ่นี้ว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางบริษัทมีรายได้สูงมาก จึงได้ตัดสินใจเพิ่มการลงทุนอย่างเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นแล้ว เศรษฐกิจยังคงตกต่ำ รวมทั้งมีการแข่งขันที่สูงในตลาด ทำให้รายรับที่ได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเขาขอรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
ขณะที่พนักงานที่ถูกสั่งปลดจะได้รับอีเมลในไม่ช้าและจะเปิดโอกาสให้ถามคำถามได้ โดยพนักงานในสหรัฐฯ จะได้รับเงินชดเชยเป็นค่าจ้าง 16 สัปดาห์และบวกเพิ่มอีก 1 สัปดาห์ต่อปีที่ทำงาน รวมทั้งจะได้รับประกันสุขภาพครอบครัวเป็นเวลา 6 เดือน ส่วนพนักงานนอกสหรัฐฯ จะได้รับการชดเชยที่คล้ายคลึงกัน แต่จะขึ้นอยู่กับกฎหมายการจ้างงานในประเทศนั้น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทจะปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ซึ่งรวมไปถึงการลดค่าใช้จ่ายในอาคารและสำนักงาน
ความเคลื่อนไหวของ Meta ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่อีลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์คนใหม่ ประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่าร้อยละ 50 หรือประมาณ 7,500 คน โดยมัสก์ ระบุว่า ไม่มีทางเลือก เนื่องจากบริษัทกำลังสูญเสียรายได้มากกว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 148 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นท่าทีที่แตกต่างจากมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่กลับรู้สึกเสียใจและขอโทษ พร้อมระบุว่าจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
บริษัทแม่ "เฟซบุ๊ก" เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่
"ทวิตเตอร์" เตรียมเก็บค่ายืนยันตัวตนจากผู้ใช้งานบางประเทศ