ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หญิงแกร่ง! นายกรัฐมนตรีหญิง จากทั่วโลก

ต่างประเทศ
24 ต.ค. 65
19:40
4,223
Logo Thai PBS
หญิงแกร่ง! นายกรัฐมนตรีหญิง จากทั่วโลก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม "ทุกเพศ" สามารถก้าวสู่ตำแหน่งสำคัญทางการเมืองได้ เฉกเช่น นายกรัฐมนตรีหญิง หลายคนในโลก ก็ได้ทำให้โลกได้เห็นว่าพลังของผู้หญิงแข็งแกร่งมากเพียงใด

เปิด 5 รายชื่อ นายกรัฐมนตรีหญิงจากทั่วโลก หญิงแกร่งผู้นำรัฐบาลในปัจจุบัน

1. ชีค ฮาสินา Sheikh Hasina (75 ปี) นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ เข้ารับตำแหน่งวันที่ 6 ม.ค.2552

ฮาสินา เป็นลูกสาวของ ชีค มูจิบูร ราห์มาน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศบังกลาเทศ และเป็นประธานาธิบดีคนแรก ชีค มูจิบูร ราห์มาน ถูกสังหารขณะเกิดการรัฐประหาร พร้อมภรรยาและลูกชายอีก 3 คน

จากนั้น ฮาสินา จึงลี้ภัยไปอยู่ที่อินเดียและสหราชอาณาจักร เมื่อได้รับอนุญาตให้กลับเข้าประเทศได้อีกครั้ง ฮาสินา ได้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางการเมือง และสามารถขึ้นเป็นนายกฯ ได้ ปัจจุบัน ฮาสินา ดำรงตำแหน่งนายกฯ ของบังกลาเทศ เป็นสมัยที่ 4 และได้สมญา “บุตรีแห่งประชาธิปไตย” แห่งบังกลาเทศ 

2. ซารา คูกอนเกลวา Saara Kuugongelwa (55 ปี) นายกรัฐมนตรีประเทศนามิเบีย เข้ารับตำแหน่งวันที่ 21 มี.ค.2558

คูกอนเกลวา เป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ นามิเบีย ในวัยเด็กต้องลี้ภัยจาก นามิเบีย ไปหลายประเทศ เมื่อได้กลับเข้ามาที่ นามิเบีย ได้ถูกเสนอชื่อให้นั่งในรัฐสภา และได้เลื่อนตำแหน่งทางการเมืองอีกมากมาย จึงกระทั่งได้รับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 4 และเป็นนายกฯ หญิงคนแรกของนามิเบีย เป้าหมายหลักของเธอคือ การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและให้ตระหนักถึงสิทธิสตรีว่าเป็นสิทธิมนุษยชนของทุกคน

3. อันนา เบรนาบิช Ana Brnabic (47 ปี) นายกรับมนตรีประเทศเซอร์เบีย เข้ารับตำแหน่งวันที่ 29 มิ.ย.2560

เบรนาบิช เป็นนายกฯ LGBT คนแรกในรัฐบาลเซอร์เบีย และสหภาพยุโรปหวังว่าปรากฏการณ์นี้จะสะท้อนการเปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายมากขึ้น เบรนาบิช ถูกกระแสต่อต้านจากนักการเมืองด้วยกันเองเยอะมาก ถึงสิ่งที่เธอเป็น แต่เธอก็พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานปฏิรูปการบริหารราชการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เซอร์เบียสามารถเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปได้

4. จาซินดา อาร์เดิร์น Jacinda Ardern (42 ปี) นายกรัฐมนตรีประเทศนิวซีแลนด์ เข้ารับตำแหน่งวันที่ 26 ต.ค.2560

อาร์เดิร์นเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 3 ของนิวซีแลนด์ เธอเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ด้วยอายุ 37 ปี ทำให้อาร์เดิร์นกลายเป็นหัวหน้ารัฐบาลนิวซีแลนด์ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น อาเดิร์นยังได้ชื่อว่าเป็นผู้นำประเทศที่จัดการกับโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุดอีกคนหนึ่งในโลก สิ่งที่ทำให้โลกรู้จักเธอมากขึ้นคือ คลิปวิดีโอบรรยายผลงานของตัวเองตลอด 2 ปี ภายใน 2 นาที ซึ่งเธอบอกไปทั้งหมด 47 ผลงาน

5. อีเวลิน วีเวอร์-ครอส Evelyn Wever-Croes (55 ปี) นายกรัฐมนตรีประเทศอารูบา เข้ารับตำแหน่งวันที่ 17 พ.ย.2560

วีเวอร์-ครอส เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศอารูบา ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ โดย “อารูบา” เป็น 1 ใน 4 ประเทศองค์ประกอบของประเทศเนเธอร์แลนด์ ชีวิตของ วีเวอร์-ครอส จึงเกี่ยวข้องกับเนเธอร์แลนด์มาตลอด ตั้งแต่การศึกษาจนถึงการทำงานเป็นทนายความ วีเวอร์-ครอส เห็นว่าการมีผู้หญิงเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เจอก้าวเข้าสู่สังเวียนการเมือง

 


นายกฯ หญิง ที่น่าสนใจของโลก

นายกฯ หญิง ที่อายุน้อยที่สุด คือ ซันนา มาริน Sanna Marin นายกรัฐมนตรีของประเทศฟินแลนด์
มารินเข้ารับตำแหน่งด้วยอายุ 34 ปีเท่านั้น (ปัจจุบัน 36 ปี) และ มารินยังเป็นนายกฯ หญิงที่มีข่าวทางด้านลบมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองฟินแลนด์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคลิปวิดีโอในงานสังสรรค์ พร้อมด้วยท่าเต้นที่ดูไม่เหมาะสมกับสถานะทางการเมืองของมาริน นอกจากนั้น มารินยังปฏิเสธการเข้ารับการตรวจสารเสพติด ท่ามกลางเสียงเรียกร้องต่างๆ มากมาย ท้ายที่สุด มาริน เลือกที่จะเข้ารับการตรวจหาสารเสพติด เพื่อลบคำครหา และจากคำสัมภาษณ์ในนิตรสาร VOGUE อังกฤษ ในปี ค.ศ.2020 มารินบอกว่า “ฉันแค่ต้องการซื่อสัตย์กับตัวเองและเป็นตัวของตัวเอง ฉันคิดว่ามันง่ายกว่า” 

จอร์เจีย เมโลนี อายุ 45 ปี เมโลนี เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของอิตาลี และยังเป็น นายกฯ หญิงคนล่าสุดของโลกด้วย เมโลนี เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2565 หลังจากที่ชนะการเลือกตั้งช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา

การเข้ารับตำแหน่งของเมโลนี เป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิดจากสหภาพยุโรป เนื่องจาก เมโลนี มีแนวคิดตามลัทธิฟาสซิสต์ คือแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปและตลาดการเงินระหว่างประเทศ และเมโลนียังประกาศนโยบาย “Italy First หรือ อิตาลีมาก่อน” นั่นหมายถึง เมโลนี จะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์แห่งชาติมากกว่ายุโรป

ที่มา : Wikipedia, REUTERS, BBC, VOGUE UK

ข่าวที่เกี่ยวข้อง