เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2564 พรรคเพื่อไทยประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊กมีสาระสำคัญระบุว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมนำข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 มาตรา 116 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม และตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล รวมถึงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้ผู้ถูกดำเนินคดีได้รับการปล่อยตัว ซึ่งเป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย
"การแก้ไขกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย" ข้อความส่วนหนึ่งจากประกาศพรรคเพื่อไทยที่ลงนามโดย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ พรรคเพื่อไทย วันที่ 31 ต.ค.2564
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประกาศดังกล่าวถูกเผยแพร่ในวันที่ 31 ต.ค. ภายหลังการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก มาตรา 112 และยกเลิกกฎหมายที่ถูกใช้ดำเนินคดีกรณีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันเป็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยภายหลังแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย
"นพ.วรงค์" ชี้ปัญหาอยู่ที่คนโกง ไม่ใช่สถาบันฯ
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีสาระสำคัญว่า ไม่สบายใจต่อการล่ารายชื่อยกเลิก มาตรา 112 และพรรคการเมืองที่มีประวัติทุจริตร่วมสนับสนุน ซึ่งกล่าวอ้างว่าเป็นการเรียกร้องเพื่อปล่อยนักโทษทางความคิดและฟื้นฟูหลักนิติรัฐและนิติธรรม ทั้งที่คนกลุ่มนี้พยายามจาบจ้วงสถาบันฯ มาตลอด จึงถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
"ขอเตือนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า หยุดได้แล้ว ปัญหาประเทศอยู่ที่คนโกง แต่มาโทษสถาบัน ทั้งๆ ที่สถาบันท่านทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังถูกรุมรังแกแบบมัดมือชก ขอบอกตรงๆ ว่าประชาชนเขาอึดอัดมาก"
ย้อนญัตติ "ก้าวไกล" แก้ ม.112 ถูกตีตก
ทั้งนี้พรรคก้าวไกล เสนอแก้ไขกฎหมาย 5 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบันฯ ในเดือน ก.พ.2564 ซึ่งมีสาระสำคัญคือฉบับที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อแก้ไขเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาททั้งหมด ทั้งบุคคล เจ้าพนักงาน ศาล และความผิดฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ โดยมีสาระสำคัญแบ่งเป็น 3 ส่วน
1.ยกเลิกโทษจำคุก ให้คงเหลือแต่ "โทษปรับ" ในความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นบุคคลทั่วไป (ป.อาญา ม.326, 328, 393) ในฐานความผิดดูหมิ่นเจ้าพนักงานมาตรา 136 และดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา มาตรา 198
2.ย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามมาตรา 112 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ ลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งในแง่โครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ การยกเว้นความผิด การยกเว้นโทษ และผู้ร้องทุกข์
3.เป็นการย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้าย ราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท ประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มาสู่ราชอาณาจักร ตามมาตรา 133 และ 134 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ ลักษณะความผิดเกี่ยวกับเกียรติยศของประมุขแห่งรัฐ หรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ เพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งในแง่โครงสร้างของบทบัญญัติและอัตราโทษ โดยยกเลิกโทษจำคุก คงเหลือไว้แต่โทษปรับ
อ่านข่าวอื่นๆ ‘ก้าวไกล’ เสนอแก้ 5 ร่างกฎหมาย รวม ม.112 ‘หมอวรงค์’ ยื่น 1 แสนชื่อ ค้านแก้
อย่างไรก็ตามญัตติของพรรคก้าวไกลไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เมื่อกลุ่มงานพระราชบัญญัติและญัตติ 1 สำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือบันทึกข้อความมายังพรรคก้าวไกล ว่าการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อให้มีการยกเว้นความผิดและการยกเว้นโทษต่อความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์นั้น "เป็นการขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 6" ซึ่งบัญญัติว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้"