วันนี้ (1 ก.ย.2563) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากกรณีการเสนอข่าวเด็กหญิงชั้นประถมปีที่ 2 ใน จ.สระบุรี พบเห็บทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่จำนวนมากอยู่ในรูหู ทำให้เด็กมีอาการปวดและคัน เบื้องต้นโรงเรียนได้นำเด็กส่งให้แพทย์นำเห็บในหูออกแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกเห็บกัดมักไม่มีอาการเจ็บ เนื่องจากในน้ำลายของเห็บประกอบด้วยสารที่ทำให้เกิดอาการชาเฉพาะที่ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าถูกกัด ผิวหนังบริเวณที่ถูกกัดพบเป็นตุ่มนูนบวมแดง บางคนที่เกิดอาการแพ้อาจพบว่ามีไข้ หรือผื่นคันชนิดลมพิษ
พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า การรักษาทำได้โดยคีบเอาเห็บออก โดยใช้แหนบคีบที่ส่วนหัวของเห็บแล้วค่อยดึงขึ้นตรงๆ แต่ต้องระวังอย่าคีบบริเวณลำตัวหรือท้องของเห็บ และไม่บิดคีมขณะที่กำลังคีบ เพราะจะทำให้ส่วนปากของเห็บยังคงค้างอยู่ในผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นปฏิกิริยาเฉพาะที่แบบเรื้อรังตามมาได้
หลังจากเอาตัวเห็บออกไปได้แล้ว สามารถรักษาอาการผิวหนังบวมแดงได้ด้วยยาทาลดการอักเสบ บางคนที่บวมแดงมาก แพทย์อาจพิจารณาใช้การฉีดยาใต้ผิวหนังเพื่อลดอาการ
ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวอีกว่า โดยทั่วไปแล้วอาการที่เกิดจากเห็บกัดมักเป็นเพียงอาการเฉพาะที่ แต่มีผู้ป่วยส่วนน้อยที่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหลังถูกเห็บบางชนิดกัด คือ การเกิดอัมพาตจากการถูกเห็บกัด เริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว จากนั้นในระยะเวลาไม่นานจะเกิดเป็นอัมพาต ซึ่งภาวะนี้อาจนำไปสู่ภาวะระบบหายใจล้มเหลวที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการเป็นอัมพาตจากการถูกเห็บกัดนี้ มักเกิดภายในระยะเวลา 4-6 วันหลังโดนกัด แต่ภาวะนี้จะดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคีบเอาเห็บออกจากผิวหนังของผู้ป่วย