วันนี้ (11 ส.ค.2563) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพบชายชาวญี่ปุ่นติดเชื้อ COVID- 19 หลังเดินทางกลับจากไทย เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรคได้ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ ของประเทศญี่ปุ่นทันที เพื่อสอบสวนโรค ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม และติดตามบุคคลรายดังกล่าวแล้ว
จากการตรวจสอบรายละเอียดในเบื้องต้น พบว่ากรณีที่มีผู้เดินทางจากไทยไปญี่ปุ่น ตรวจพบการติดเชื้อ COVID-19 มี 2 เหตุการณ์ ดังนี้ รายแรกเป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 24 ปี เดินทางไปทำงานก่อ สร้างที่ญี่ปุ่น โดยกลับมาไทยเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เข้ารับการกักตัวที่สถานที่กักกันที่ราชการกำ หนด จนถึงวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการหาเชื้อ 2 ครั้ง ไม่พบเชื้อทั้ง 2 ครั้ง หลังจากนั้นเดินทางกลับบ้านที่ จ.เชียงราย พักอยู่บ้านกับแม่เพียง 2 คน ไม่ได้เดินทางไปไหน และในวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ไปเกณฑ์ทหารโดยปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคโควิดอย่างเคร่งครัด
ต่อมาได้เดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้งเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการเก็บน้ำลายส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลเป็นบวก และถูกส่งเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ หลังทราบผลได้แจ้งให้แม่ที่จ.เชียงรายทราบ จากนั้นแม่ จึงไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน มีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลไม่พบเชื้อ
ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย มีการติดตามผู้สัมผัสที่เป็นเพื่อน 3 คน และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 28 คน รวมทั้งสิ้น 32 คน ผลไม่พบเชื้อทั้งหมด และในวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้แจ้งมาทางกับครอบครัวว่า โรงพยาบาลในญี่ปุ่นตรวจซ้ำอีก 2 ครั้งหลังกักกัน 7 วัน ผลตรวจเป็นลบทั้ง 2 ครั้ง และอนุญาตให้ออกจากสถานที่กักกัน
สรุปได้ว่ารายนี้ จากผลตรวจครั้งที่สองเป็นลบ ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน และการตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิด ก็ไม่พบการติดเชื้อเช่นเดียวกัน จึงไม่น่าใช่ผู้ติดเชื้อ COVID 19
ชายชาวญี่ปุ่นติด COVID-19 หลังกลับไทย
สำหรับรายที่สอง เป็นเพศชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 47 ปี เดินทางจากไทยเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการตรวจน้ำลายหาเชื้อที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ ผล COVID-19 เป็นบวก รายนี้ได้ประสานงานผ่านกลไกกฎอนามัยระหว่างประเทศ อยู่ระหว่างรอรายละเอียดการอาศัย และผู้สัมผัสที่อยู่ในไทย อีกทั้งได้ประสานสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบที่อยู่และค้นหาผู้สัมผัส ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นเดียวกัน และเมื่อได้รับข้อมูลแล้ว จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
สำหรับวิธีการตรวจที่สนามบินในญี่ปุ่นที่ใช้กับผู้เดินทางทั้ง 2 รายนี้ เป็นวิธีใหม่ เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา คือวิธี CLEIA โดยตรวจหาเชื้อจากตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้รับรอง ทั้งนี้ ประเทศไทยยังใช้วิธีการตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกด้วยวิธี RT PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อ COVID- 19
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จากการปฏิบัติตามหลักในการป้องกันควบคุมโรค ตามกฎอนามัยระหว่างประ เทศ ที่ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศที่มีระบบความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ทำให้มีการตรวจสอบติดตาม และสอบสวนป้องกันโรคได้อย่างรวดเร็ว มีการดำเนินงานและควบคุมโรคภายในประเทศได้ดี จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคที่มีความเข้มแข็งและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลดล็อกผลิต "หน้ากากอนามัย" คุมราคาไม่เกิน 2.50 บาท