วันนี้ (3 ส.ค.63) ผู้เสียหายออกมาเตือนภัยเกี่ยวกับการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์โดยเฉพาะทาง เพจเฟซบุ๊กเธอเล่าว่า มีอาชีพขายเสื้อผ้ามือ 2 และเปิดร้านสักคิ้วอยู่ที่ตลาดย่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม แต่ด้วยการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ทำให้ตลาดปิด และไม่ได้ขายของมาหลายเดือน แต่เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จึงตั้งใจว่าจะกลับมาขายเสื้อผ้าต่อ
ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 23.00 น. ได้พบเฟซบุ๊ก ชื่อว่า "BEE BEE" โฆษณาขายชุดเดรสและชุดราตรี อ้างว่าลดล้างสต็อก เลิกกิจการ เฉลี่ยชุดละ 80 กว่าบาทจึงคิดว่าน่าซื้อมาเพื่อขายและปล่อยเช่าชุด โดยในตอนแรกสั่งซื้อทั้งหมด 10 ชุด รวมเป็นเงิน 850 บาท ต่อมาเจ้าของเพจชักชวนให้ซื้อทั้งหมด 15 ชุดโดยคิดเงินเพิ่มอีก 200 บาท ต่อมาครั้งที่ 3 ทางเจ้าของเพจบอกว่า ขอยืมเงิน 200 บาท สรุปโอนเงินไปทั้งหมด 1,250 บาท
ทั้งนี้ได้โอนเงินไปที่บัญชีชื่อนายวิษณุ ชูมแก้ว ธนาคารไทยพาณิช เปิดอยู่ที่ จ.พัทลุง โดยนัดส่งหลักฐานเลขพัสดุมาช่วงเวลา 15.00 น.ของวันที่ 13 มิ.ย.63 แต่สุดท้ายเงียบหายจึงโทรศัพท์เพื่อติดตามทวงถามปรากฏว่าเจ้าของเพจได้บล็อกการติดต่อ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียหายจากเพจดังกล่าวหลายคน รวมถึงมีผู้ที่ถูกนำภาพมาใช้เป็นภาพประจำตัว ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.สามพราน เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีชื่อนายวิษณุ ชูมแก้ว ต่อมาประมาณปลายเดือน มิ.ย. หลังนายวิษณุถูกอายัดบัญชีนายวิษณุได้ไปที่ธนาคารโดยอ้างว่าได้เคลียร์กับผู้เสียหายแล้วและขอให้ธนาคารยกเลิกการอายัด แต่ธนาคารไม่เชื่อจึงโทรศัพท์สอบถามตำรวจที่ สภ.สามพรานและผู้เสียหาย จึงทราบว่านายวิษณุ ยังไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายใดๆ
ต่อมาผู้เสียหายทราบว่านายวิษณุติดต่อมาจึงพยายามโทรศัพท์ไปยังนายวิษณุแต่ไม่รับสาย ต่อมานายวิษณุติดต่อกลับพร้อมสอบถามยอดการโอนเงินพร้อมระบุว่าจะโอนเงินคืนให้แต่ขอให้ยกเลิกการอายัดบัญชี และถอนแจ้งความ
นายวิษณุยอมรับว่า เป็นผู้ที่เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก BEE BEE และได้แชทพูดคุยกับลูกค้าโดยปลอมเป็นผู้หญิง ซึ่งผู้เสียหายมองว่า หากชดใช้ให้กับตัวเองคนเดียวผู้ก่อเหตุอาจไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าวจึงขอให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายทั้งหมด จากนั้นนายวิษณุไม่มีติดต่อใด ๆ
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามพราน บอกว่า หลังได้อายัดบัญชีแล้ว ได้ออกหมายเรียกไปยังเจ้าของบัญชีเป็นครั้งที่ 1 แต่ทางผู้ถูกกล่าวหายังไม่มาให้ปากคำ จึงจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ตามขั้นตอนต่อไป โดยขอให้ผู้ถูกกล่าวมาให้ปากคำหรือแสดงตัว นอกจากนี้ ยังฝากเตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านเพจเฟซบุ๊กหรือออนไลน์ ขอให้ระมัดระวังก่อนการโอนเงินและขอให้ซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ