วันนี้ (25 มี.ค.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ไวรัสโรโรนา (COVID-19) ของประเทศไทย โดยวันนี้มีข่าวดีว่ามีป่วยกลับบ้านเพิ่มอีก 13 คนรวมกลับบ้าน 70 คน และมีผู้ป่วยรายใหม่ 107 คน รวมตัวเลข สะสม 934 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มเดิม จำนวน 27 รคน แบ่งเป็รสนามมวย 4 คนจากกทม. และสมุทรสาคร เป็นพนักงานขับรถ บขส. รับจ้าง และสถานบันเทิง 5 คน นักร้อง นักดนตรี และประชาสัมพันธ์ กลุ่มผู้ป่วยสัมผัสเดิมอีก 14 คน มีทั้งนักศึกษา คนขับรถแท็กซี่ ตำรวจ ผู้ต้องขัง รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อพบกระจายในจ.ปราจีนบุรี เพชรบุรี ภูเก็ต กทม. ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต ชลบุรี ส่วนกลุ่มร่วมพิธีศาสนามาเลเซีย สงขลา ยะลา
ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ 13 คน มีเดินทางจากต่างประเทศ ต่างชาติ-ไทย รวม 6 คนทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดและเกี่ยวกับชาวต่างชาติ 5 คน ในจำนวนนี้มีแพทย์ป่วยเพิ่มอีก 2 คนจากเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.)ที่พบทีมบุคลากรทางการแพทย์ป่วยแล้ว 4 คน ซึ่งแพทย์ทั้ง 2 คน เป็นแพทย์พี่เลี้ยงที่ใช้ทุนปีที่ 2 และทำงานที่โรงพยาบาล มีอาการเล็กน้อย และยังคงทำงาน ทั้งผ่าตัด และไปทานข้าวกับเจ้าหน้าที่ ทำให้คนที่สัมผัสในกลุ่มนี้ หลังการสอบสวนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 15 คนและหมอที่ทำงานใกล้ชิดอีก 10 คนต้องให้ถูกพักงาน และรอการสอบสวนโรคอีก 67 คน
บุคลากรทางการแพทย์ 2 คน มีประวัติว่าตรวจผู้ป่วย แต่มารู้ตอนหลังว่าสามีของผู้ป่วยมีประวิติเสี่ยง ทำให้แพทย์ได้รับเชื้อ จึงขอความร่วมมือให้แจ้งให้ชัด เพราะบุคลากรแพทย์ 1 คน รักษาผู้ป่วยเป็นร้อยคน เมื่อป่วยก็ต้องถูกกักตัว ขอย้ำอย่าปกปิดข้อมูล ประวัติการเดินทาง
งดเยี่ยมผู้ต้องขัง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า กรณีผู้ต้องขังที่มีรายงานติดเชื้อ COVID-19 ในรายงานมีเข้ามาแต่เคสรายบุคคล ถ้ามีการสอบสวนโรคทางแพทย์ สสจ.โดยหลักการจะใช้วิธีนี้เข้าไป และแยก แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีการแจ้้งปัญหาเรื่องโรคติดต่อ เช่นวัณโรค ที่ติดต่อง่ายกว่า และทางสาธารณสุข ต้องมีพื้นที่ และถ้าหนักจะนำสู่การรักษาพยาบาลจะไปสู่โดยเฉพาะให้
นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก โดยกรมควบคุมโรคร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ ให้ช่วงนี้ประกาศงดเยี่ยม สิ่งสำคัญขณะนี้คือผู้ต้องขังรายใหม่ และผู้ต้องขังที่ย้ายเรือนจำ จะต้องมีการคัดกรองว่ามีไข้หรือมีความเสี่ยงหรือไม่ และจะมีการใช้พื้นที่แยก เพื่อไม่ให้เกิดการติดต่อผู้ต้องขังรายอื่น
งดสังสรรค์-เจอผู้คนตัดวงจรเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประชาชนที่ทำงานใน กทม.กลับภูมิลำเนา มีโอกาสไปแพร่ให้คนใกล้ชิด ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการ สสจ. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ประสานดำเนินการให้คำแนะนำอยู่บ้าน 14 วัน และเน้นย้ำมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 1-2 เมตร และสวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
กลุ่มคนที่มีงานเลี้ยงสังสรรค์ พบปะกัน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มเป็น 100 คน ขอให้งด และหากพบผู้มีความเสี่ยงให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็ก ควรงดออกจากบ้าน งดโอกาสการรับเชื้อ ส่วนคนออกไปทำงาน ให้เว้นระยะห่างในครอบครัวด้วย
ส่วนกรณีประกาศเข้าสู่ระยะ 3 ทางคณะกรรมการวิชาการ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ จะเป็นผู้ให้เกณฑ์มาและเป็นผู้ประกาศว่าเข้าระยะ 3 หรือยัง ซึ่งต้องมีระยะในการสอบสวนโรค แต่เมื่อใดที่กระจายไปกลุ่มที่ 4 โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงจะเข้าสู่ระยะ 3 ย้ำมาตรการของ สธ.ขณะนี้เกินระยะที่ 2 ไปแล้ว
ขณะที่กรมควบคุมโรค รายงานว่าสถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลก มีผู้ป่วย 407,670 คน รักษาหาย 104,673 คน อาการหนัก 12,547 คน เสียชีวิต 18,250 คน ประเทศที่สูงสุดยังเป็นจีน อิตาลี สหรัฐอเมริกา สเปน เยอรมนี และอิหร่าน ขณะที่วานนี้มีประเทศพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 2 ประเทศคือ ลาวและเมียนมา ไทยอยู่อันดับที่ 32 ของโลก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทีมแพทย์ติดเชื้อโคโรนา 4 คน-ยอดเสียชีวิตในไทย 4 คน
พิษ COVID-19 การบินไทย “หยุดบินชั่วคราว” เริ่ม 25 มี.ค.นี้