วันนี้ (25 มี.ค.2563) นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยร้อยละ 85 ของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีการรายงานในช่วง 24 ชั่วโมง ยังอยู่ในยุโรปและสหรัฐฯ รวมด้วย ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 53,740 คน เสียชีวิต 706 คน
ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงคำนึงถึงเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด และตั้งความหวังว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะกลับมาขับเคลื่อนได้อีกครั้งภายในกลางเดือนเมษายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลอีสเตอร์ นอกจากนี้ทรัมป์ยังกล่าวถึงการระบาดเหมือนกับตอนแรกๆ ว่าไม่ร้ายแรง เปรียบเทียบเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันหลายหมื่นคนในแต่ละปี หรืออุบัติเหตุทางรถ
"ทรัมป์" เมินคำเตือนวิกฤต COVID-19
ทรัมป์ ยังระบุว่า เตรียมทบทวนให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ส่งผลให้คนงานต้องหยุดงาน โรงเรียนและธุรกิจต้องปิดทำการ กระทบธุรกิจชะลอตัวเป็นวงกว้าง โดยคำกล่าวของทรัมป์สวนทางกับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ขอให้ชาวอเมริกันปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งคัด
ด้านนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่กำลังเลวร้ายหนัก COVID-19 แพร่ระบาดเร็วกว่ารถไฟหัวกระสุน พร้อมทั้งระบุว่ารัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งอุปกรณ์ช่วยชีวิตเข้ามาให้อย่างเพียงพอ ขณะนี้นิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อกว่า 25,000 คน เสียชีวิต 210 คน
ทั้งนี้ คำกล่าวของทรัมป์มีขึ้นในขณะที่จีนซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาดและเป็นคู่ปรับทางการค้ากับสหรัฐฯ เริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติหลังสามารถควบคุมการระบาดได้ ประชาชนตามเมืองต่าง ๆ เริ่มกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ สถานที่ท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเปิดให้บริการ รวมทั้งกำแพงเมืองจีนที่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุด