วันนี้ (23 มี.ค.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยระบุว่า วันนี้มีรายงานผู้ป่วยเพิ่ม 122 คน รวมเป็นตัวเลขสะสม 721 คนโดยจำนวนนี้สามารถกลับบ้านเพิ่ม 7 คน รวมผู้ที่กลับบ้านได้แล้ว 52 คน รักษาตัวในโรงพยาบาล 668 คน เสียชีวิต 1 คน
สำหรับกลุ่มผู้ป่วยแบ่งเป็นกลุ่ม 1 เกี่ยวข้องที่พบก่อนหน้านี้ 20 คน แบ่งเป็นจากสนามมวย 4 คนคือ พี่เลี้ยง ผู้ชม จ.นนทบุรี นครปฐม อุบลราชธานี สัมผัสผู้ป่วย 16 คน จากการสังสรรค์ ทำงานกับชาวต่างชาติ ร่วมประชุม เป็นพนักงานส่งของ พนักงานบริษัท นักเรียน ญาติ ในกทม. อุบลราชธานี ศรีสะเกษ
ส่วนกลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ เดินทางจากต่างประเทศ ชาวต่างชาติ 4 คน ไทย 2 คน กลับจากด่านปอยเปต กัมพูชา และประเทศเยอรมนี อีก 6 คน อยู่ในสถานที่แออัด หรือใกล้ชิดชาวต่างชาติ เป็นดีเจ พนักงานในสถานบันเทิง ที่ จ.สุราษฎรธานี ร้อยเอ็ด ภูเก็ต กทม. กระบี่
ส่วนอีก 92 คน ผลแล็บพบเชื้อ COVID-19 แต่อยู่ระหว่างสอบสวนโรค ส่วนผู้ที่มีอาการหนัก 7 คน ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเฝ้าระวังใกล้ชิด
แนวโน้มต่างจังหวัดตัวเลขป่วยเพิ่ม
ขณะนี้แนวโน้มผู้ป่วยในต่างจังหวัดเพิ่ม เนื่องจากมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา สธ.จึงขอให้ทุกคนที่เดินทางกลับได้รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด หรือติดต่อ รพ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ดังนั้นขอให้ผู้ที่ขอให้กักตัวที่บ้านอย่างน้อย 14 วัน เว้นระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร ไม่ไปพื้นที่อาหาร แยกสำรับอาหาร และของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ไปทั้งสนามมวย สถานบันเทิง กลุ่มเสี่ยงหากยังไม่มีอาการไข้ ไอ ขอให้กักตัวอย่างเคร่งครัดโดยไม่ต้องตรวจหาเชื้อ
ข้อมูลพบว่ามีผู้ขอรับการตรวจ 30,000 ตัวอย่าง อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง 10,000 คน พบเชื้อเพียง 4% อีก 20,000 คนไม่ได้มีความจำเป็นต้องมาตรวจ ถือเป็นการเพิ่มภาระงาน
นอกจากนี้ การตรวจหาเชื้อต้องใช้ไม้พันสำลีที่ยาวมาก ล้วงลึกถึงหลังโพรงจมูก ทำให้รู้สึกเจ็บมาก ไม่ง่ายและเสี่ยง จึงขอแนะนำให้คนที่มีอาการเดินทางไปตรวจเท่านั้น
ห่วงไทยซ้ำรอยยุโรป-สหรัฐ ตัวเลขก้าวกระโดด
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วง 2-3 วันนี้ ตัวเลขผู้ป่วยก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว หลายประเทศอย่างอิตาลี สหรัฐฯ ระบบสาธารณสุขรองรับไม่ทัน เสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตัวเลขเพิ่มสูงแต่เบนออกไป
วันนี้ไทยอยู่ที่ 721 คน อยู่ในช่วงเวลาทอง เลือกได้ที่จะปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด อยู่บ้านหยุดเชื้อ เพื่อไม่ให้เป็นเหมือนยุโรป หรือไม่อีกกี่วันจะทะลุหลักพัน หรือหลายพัน
เมื่อถึงก็นึกไม่ออกว่าทางการแพทย์จะรับมือได้มากน้อยแค่ไหน มีความเสี่ยงเสียชีวิต ขอให้เลือกช่วยกัน แม้ตัวเลขจะค่อยๆ เพิ่ม แต่จะเบนออก หรือจะปล่อยให้พุ่งโด่ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนหากชุมชนสังคมไม่ช่วยกัน วันหนึ่งรัฐอาจมีความจำเป็นล็อกดาวน์ ไม่ให้ทุกคนออกจากบ้านเลย ถ้าร่วมมือกันตัวเลขจะเป็นเหมือนญี่ปุ่น ไต้หวัน
ผู้ที่เดินทางไปต่างจังหวัดมีความเสี่ยงตั้งแต่ขึ้นยานพาหนะ เช่น รถทัวร์ รถตู้ ที่ต้องเดินทางหลายชั่วโมง เมื่อถึงปลายทางขอให้รายตัวและกักตัวที่บ้าน หวังว่ากราฟในประเทศจะไม่เป็นเหมือนยุโรป และสหรัฐฯ
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากสถิติคนเสียชีวิตทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เมื่อวานนี้ เห็นภาพข่าวว่าหลายคนเก็บของไปอยู่กับปู่ ย่า พ่อ แม่ที่สูงอายุ หากไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อก็จะนำเชื้อไปติดด้วย ซึ่งผู้สูงอายุมีความเสี่ยงเสียชีวิต จึงขอให้คนหนุ่มสาวแยกกับผู้สูงอายุ หรือใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือทุกครั้งเมื่อต้องสัมผัสใกล้ชิด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลัด มท.สั่งทำบัญชีแรงงานกลับภูมิลำเนา
เปิดแผนที่กรมควบคุมโรค พบผู้ติดเชื้อ 38 จังหวัด
หมอเตือนเลี่ยงทำฟัน-เสี่ยงรับเชื้อ COVID-19