วันนี้ (23 มี.ค.2563) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตือนอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการ เคอร์ฟิว และจำกัดการเดินทาง หากประชาชนไม่ใส่ใจในคำแนะนำของรัฐบาลที่ให้เว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อชะลอการระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ดูว่าคำเตือนของนายจอห์นสันจะไม่ได้ผล เพราะในขณะที่ทางการมีคำสั่งปิดผับ บาร์ แต่ก็มีภาพที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นว่าชาวอังกฤษ ยังคงไปรวมตัวกันตามสวนสาธารณะและตลาด โดยไม่สนใจคำแนะนำที่ให้เว้นระยะห่างกัน 2 เมตร
ขณะที่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน เต็มไปด้วยฝูงชนที่ฝ่าฝืนคำแนะนำให้อยู่บ้าน โดยออกมาเดินรับแดดกินไอศกรีม ทั้งๆ ที่สถานการณ์การระบาดยังน่าวิตก
ตัวเลขผู้ติดเชื้อ เมื่อ 22 มี.ค. เพิ่มจาก 5,018 คน เป็น 5,683 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 281 คน ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นายจอห์นสันต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อไม่ให้อังกฤษเผชิญโศกนาฏกรรมเช่นเดียวกับอิตาลีที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 5,476 คน
สเปนเป็นอีกประเทศในยุโรปที่สถานการณ์การระบาดยังไม่ดีขึ้น ล่าสุดรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซันเชซ ต้องการให้รัฐสภาเห็นชอบขยายการบังคับใช้ภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 15 วัน หลังตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มจาก 1,326 คนเป็น 1,720 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐฯ เปิดช่วงเวลาจับจ่ายเพื่อผู้สูงวัย
Daily Report : จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
วันเดียว อิตาลีเสียชีวิต 793 คน สูงสุดในรอบ 1 เดือน